การประเมินและการตรวจสอบหลังติดตั้งท่อลมร้อนเสร็จการประเมินและการตรวจสอบหลังการติดตั้งท่อลมร้อนเสร็จสิ้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้อย่างถูกต้องตามที่ออกแบบไว้ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามมาตรฐาน ต่อไปนี้คือขั้นตอนและสิ่งที่ควรดำเนินการในการประเมินและตรวจสอบ:
1. การตรวจสอบด้วยสายตา (Visual Inspection):
ความเรียบร้อยของการติดตั้ง: ตรวจสอบโดยรวมว่าท่อลม, ข้อต่อ, อุปกรณ์ยึด, และอุปกรณ์อื่นๆ ถูกติดตั้งอย่างเรียบร้อย มั่นคง และเป็นไปตามแบบ
การยึดท่อ: ตรวจสอบว่าท่อถูกยึดกับโครงสร้างอย่างแข็งแรง ด้วยระยะห่างของตัวยึดที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการหย่อนตัวหรือการเคลื่อนที่
การเชื่อมต่อ: ตรวจสอบรอยต่อของท่อและข้อต่อว่าแน่นหนา ไม่มีช่องว่าง หรือร่องรอยการรั่วไหลเบื้องต้น
การติดตั้งช่องลม: ตรวจสอบว่าช่องลมจ่ายและช่องลมกลับถูกติดตั้งในตำแหน่งที่ถูกต้องและมั่นคง
การติดตั้งอุปกรณ์ควบคุม: ตรวจสอบการติดตั้งแดมเปอร์ (Damper), วาล์วควบคุม, และอุปกรณ์อื่นๆ ว่าอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและสามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับการปรับแต่งและบำรุงรักษา
การหุ้มฉนวน: ตรวจสอบว่าท่อถูกหุ้มฉนวนอย่างทั่วถึง ไม่มีส่วนที่ขาดหาย หรือฉนวนได้รับความเสียหาย และรอยต่อของฉนวนถูกปิดผนึกอย่างมิดชิด
ความปลอดภัย: ตรวจสอบว่าไม่มีส่วนใดของระบบที่อาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น ส่วนที่แหลมคม, สายไฟที่ไม่ได้เก็บเรียบร้อย
2. การทดสอบการรั่วไหล (Leakage Testing):
การทดสอบแรงดัน: ปิดช่องลมทั้งหมดและเพิ่มแรงดันลมเข้าไปในระบบตามค่าที่กำหนดในแบบ หากแรงดันลดลงอย่างรวดเร็ว แสดงว่ามีการรั่วไหล
การใช้เครื่องมือตรวจจับ: ใช้เครื่องมือตรวจจับลม (Anemometer) หรือเครื่องมือตรวจจับควัน (Smoke Pen/Generator) ตรวจสอบบริเวณรอยต่อและข้อต่อต่างๆ เพื่อหารอยรั่ว
การแก้ไขรอยรั่ว: หากพบรอยรั่ว ต้องทำการแก้ไขโดยการซีลใหม่ หรือขันข้อต่อให้แน่นขึ้น
3. การทดสอบการไหลเวียนของอากาศ (Airflow Testing):
การวัดปริมาณลม: ใช้เครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer) หรือเครื่องวัดปริมาณลม (Airflow Meter) วัดปริมาณลมที่ออกมาจากช่องลมจ่ายแต่ละจุด และปริมาณลมที่ไหลกลับเข้าช่องลมกลับ
การเปรียบเทียบกับค่าที่ออกแบบ: เปรียบเทียบค่าที่วัดได้กับค่าที่ระบุไว้ในแบบ หากมีความแตกต่างมาก ควรตรวจสอบหาสาเหตุ เช่น การอุดตัน, ขนาดท่อไม่ถูกต้อง, หรือปัญหาที่พัดลม
การปรับสมดุลอากาศ (Air Balancing): ปรับแดมเปอร์ (Damper) ในแต่ละโซนเพื่อให้การไหลเวียนของอากาศสมดุลตามความต้องการของแต่ละพื้นที่ โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Air Balancing
4. การทดสอบการทำงานของอุปกรณ์ควบคุม:
เทอร์โมสตัท: ตรวจสอบการทำงานของเทอร์โมสตัทว่าสามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
แดมเปอร์ควบคุม: ตรวจสอบการทำงานของแดมเปอร์ไฟฟ้าหรือลม ว่าสามารถเปิด-ปิดและปรับตำแหน่งตามสัญญาณควบคุมได้อย่างถูกต้อง
วาล์วควบคุม: ตรวจสอบการทำงานของวาล์วควบคุม (ถ้ามี) ว่าสามารถควบคุมการไหลของของเหลว (เช่น น้ำร้อน) ได้ตามต้องการ
5. การตรวจสอบประสิทธิภาพ (Performance Testing):
การวัดอุณหภูมิ: วัดอุณหภูมิของลมร้อนที่ออกจากเครื่องทำความร้อนและที่ช่องลมจ่ายแต่ละจุด เพื่อประเมินการสูญเสียความร้อนในระบบ
การวัดการใช้พลังงาน: หากสามารถทำได้ ควรวัดการใช้พลังงานของระบบและเปรียบเทียบกับค่าที่คาดการณ์ไว้
6. การจัดทำเอกสารและการส่งมอบ:
บันทึกผลการตรวจสอบ: บันทึกผลการตรวจสอบและการทดสอบทั้งหมด รวมถึงค่าที่วัดได้, ปัญหาที่พบ, และการแก้ไข
คู่มือการใช้งานและการบำรุงรักษา: รวบรวมและส่งมอบคู่มือการใช้งานและการบำรุงรักษาของระบบและอุปกรณ์ต่างๆ
แบบ As-Built: หากมีการเปลี่ยนแปลงจากการออกแบบเดิม ให้จัดทำแบบ As-Built ที่แสดงรายละเอียดการติดตั้งจริง
การฝึกอบรม: หากจำเป็น ให้ทำการฝึกอบรมผู้ใช้งานเกี่ยวกับวิธีการใช้งานและการบำรุงรักษาระบบเบื้องต้น
ผู้ที่ควรทำการประเมินและตรวจสอบ:
ผู้ติดตั้ง: ควรทำการตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างและหลังการติดตั้ง
วิศวกรเครื่องกล: ควรทำการตรวจสอบขั้นสุดท้ายเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามแบบและข้อกำหนด
ผู้เชี่ยวชาญด้าน Air Balancing: สำหรับการปรับสมดุลอากาศ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบำรุงรักษาของโรงงาน: เพื่อทำความเข้าใจระบบและเตรียมพร้อมสำหรับการบำรุงรักษาในอนาคต
การประเมินและตรวจสอบอย่างละเอียดหลังการติดตั้งท่อลมร้อนเสร็จสิ้น จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และตรงตามความต้องการใช้งาน รวมถึงช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและยืดอายุการใช้งานของระบบ