head prakardsod




































































แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 37
1
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


2
ทำอาชีพเสริม จากการขายข้าวไข่ข้นแฮมอาหารจานเดียวแสนง่ายให้รสชาติเข้มข้นอร่อย

ข้าวไข่ข้นแฮมเป็นอาหารสไตล์ไทยที่ทำง่ายแต่แสนอร่อย โดยผสมผสานไข่ฟู แฮมรสแซ่บและข้าวสวยเข้าด้วยกันจนกลายเป็นอาหารจานเด็ด จานนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาทางเลือกที่รวดเร็วและอร่อย ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก แต่ให้รสชาติเข้มข้น ข้าวไข่ข้นแฮมเป็นเมนูอาหารจานเดียวที่ทำง่าย อร่อย และได้รับความนิยม เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับข้าวไข่ข้นแฮมที่คุณอาจสนใจ

ข้าวไข่ข้นแฮมคืออะไร?
ข้าวไข่ข้นแฮมประกอบด้วยข้าวไข่ข้นแฮมสีทองนุ่มๆ ที่ทำจากไข่และแฮม ราดบนจานข้าวที่กำลังนึ่ง ไข่เจียวมักจะสุกพอดี มีเนื้อครีมด้านในที่เข้ากันได้ดีกับข้าว บางสูตรอาจเติมชีส นม หรือเครื่องปรุงอื่นๆ เพื่อเพิ่มความเข้มข้น

ทำไมคุณถึงควรลอง
รวดเร็วและง่ายดาย – เหมาะสำหรับวันยุ่งๆ ที่คุณต้องการอาหารอร่อยๆ โดยไม่ต้องใช้เวลาในครัวมากนัก
โปรตีนสูง – ไข่และแฮมเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยให้คุณอิ่มและมีพลังงาน
ปรับแต่งได้ – คุณสามารถเพิ่มชีส หัวหอม หรือแม้แต่ซีอิ๊วขาวเพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ

วิธีทำข้าวข้าวไข่ข้นแฮม
วัตถุดิบ:
ไข่ 2 ฟอง
แฮมหั่นเต๋า ½ ถ้วย
ข้าวสวย 1 ถ้วย
นม 1 ช้อนโต๊ะ (ไม่จำเป็น สำหรับเนื้อนุ่มขึ้น)
เนยหรือน้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือและพริกไทยตามชอบ
ต้นหอมหรือผักชีฝรั่งสับสำหรับตกแต่ง

คำแนะนำ:
เตรียมข้าว – วางข้าวสุกอุ่นๆ ไว้บนจานเสิร์ฟ
ตีไข่ – ในชาม ตีไข่กับนม เกลือ และพริกไทย
ปรุงแฮม – ตั้งน้ำมันหรือเนยในกระทะบนไฟปานกลาง ใส่แฮมที่หั่นเป็นลูกเต๋า ผัดประมาณ 1 นาที
ทำไข่ข้น – เทส่วนผสมไข่ลงบนแฮม คนเบาๆ และปล่อยให้สุกเล็กน้อยแต่ยังคงนิ่มอยู่
ประกอบอาหาร – วางไข่เจียวบนข้าวอย่างระมัดระวัง ตกแต่งด้วยต้นหอมซอยหรือผักชีฝรั่ง
เสิร์ฟได้ทันที – รับประทานเปล่าๆ หรือทานคู่กับซอสมะเขือเทศ ซอสพริก หรือซีอิ๊วขาวก็ได้

ข้าวไข่ข้นแฮมเป็นเมนูง่ายๆ แต่แสนอร่อยที่ใครๆ ก็ทำได้ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า มื้อเที่ยง หรือมื้อเย็น อาหารจานนี้รับรองว่าจะต้องถูกใจคุณอย่างแน่นอน ลองทำวันนี้และเพลิดเพลินไปกับความสมดุลที่ลงตัวของไข่ฟู แฮมรสเผ็ด และข้าวอุ่นๆ ในทุกคำ

3
รถขนของไปต่างจังหวัด รถกระบะรับจ้างสมุทรปราการ บริการรับจ้างขนของทุกวัน

จังหวัดสมุทรปราการ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดในเขตปริมณฑล ที่อาชีพส่วนใหญ่ของคนในพื้นที่จะมีอาชีพในการทำนา ประมง ท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมมากมาย ที่สำคัญยังมีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งถือว่าเป็นสนามบินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นอกจากนั้นยังมี โบราณสถาน วัดเก่าแก่มากมายยกตัวอย่างเช่น วัดอโศการาม วัดบางพลีใหญ่ พระสมุทรเจดีย์กลางน้ำ ศาลพระเสื้อเมือง พิพิธภัณฑ์ทหารเรือเมืองโบราณ และสถานที่ท่องเที่ยวสถานตากอากาศบางปู ในปัจจุบันจังหวัดสมุทรปราการมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมายที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มจระเข้ หรือ เมืองโบราณ ที่มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติต่างรู้จัก จังหวัดสมุทรปราการถือว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจโดยแท้จริงของประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาใช้ชีวิตและทำงานอย่างพื้นที่ดังกล่าว และเป็นจังหวัดที่กับแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย

หากพูดถึงด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญคงปฏิเสธไม่ได้ว่า งานขนย้าย งานด้านโลจิสติกส์ ถือว่ามีความสำคัญมากในปัจจุบัน นั่นคือ รถรับจ้าง และเรากำลังพูดถึง รถกระบะรับจ้างสมุทรปราการ คือ รถผู้ให้บริการที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่ง โดยที่ระบุ วัตถุประสงค์ ชัดเจน ในการ ให้บริการขนย้ายของ รับจ้างขนของ เป็นสำคัญ ถือว่าเป็นรถรับจ้างสมุทรปราการที่มีขนาดเล็ก มีความคล่องตัวสูง ราคาค่าขนย้ายไม่แพง วิ่งในเขตในเมือง ไม่ติดเวลา สามารถ ทำเวลา ได้ ในกรณีที่ต้อง ไปรับสินค้าด่วน ซึ่งในปัจจุบัน ในธุรกิจออนไลน์ ถือได้ว่า มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจ ขนส่งเป็นอย่างมากและรถกระบะรับจ้างก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่เข้ามาช่วยสนับสนุน การเติบโตของธุรกิจออนไลน์ ซึ่งเราจะเห็นได้จากปัจจุบันนี้มีรถกระบะรับจ้าง ทั้งวิ่งร่วมและวิ่งส่วนตัว เข้ามาให้บริการขนย้ายของเป็นจำนวนมาก หากเราจะจำแนก รถกระบะรับจ้าง หรือรถสี่ล้อรับจ้างนั้น จะมี ลักษณะของรถขนของ ดังนี้

    รถกระบะรับจ้างสมุทรปราการแบบ ตู้ทึบสแตนเลส ซึ่งมีขนาดของรถอยู่ที่ เหมาะสำหรับงานที่ ให้บริการย้ายหอ ย้ายบ้าน ขนส่งสินค้าออนไลน์ สินค้าที่มีขนาดเล็ก บริการขนย้ายสินค้าให้กับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป
    รถกระบะรับจ้างสมุทรปราการแบบคอกสูง ขนาดของรถจะมีขนาด การให้บริการ ส่วนใหญ่จะเป็นขนย้ายวัตถุดิบทางการเกษตร ย้ายหอ ขนส่งสินค้า วัสดุก่อสร้าง ย้ายบ้าน เป็นต้น
    รถ 4 ล้อใหญ่รับจ้างสมุทรปราการ เป็นรถรับจ้าง 4 ล้อที่มีขนาด เป็นรถที่เข้ามารองรับการขนย้ายที่มีปริมาณที่มากกว่า รถกระบะ หรือมีสินค้า ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา โดยไม่สามารถที่ใส่รถกระบะได้หมด งานให้บริการส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานย้ายบ้านย้ายหอ ขนย้ายสินค้าทางการเกษตรเป็นต้น

หากพูดถึงงานบริการในลักษณะนี้เราจึงอยากจะแนะนำงานบริการรับจ้างขนย้ายของที่ดี งานมีคุณภาพ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ให้บริการที่มีความเก่งด้านบริการ รถรับจ้าง เป็นอย่างมาก มีความพร้อม มีความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้บริการรถกระบะรับจ้างจะหมดความกังวลใจ และ ได้รับความมั่นใจว่าผู้ให้บริการนั้นมีความสามารถและประสบการณ์ที่จะไม่ทำให้สินค้าของท่านต้องเสียหายอย่างแน่นอน ราคาค่าขนย้ายที่ถือว่าไม่สูง และมีพนักงานช่วยขนย้ายบริการ ที่สำคัญเป็นรถขนของ ของเราเอง ด้วยประสบการณ์กว่า 15ปี ชำนาญทุกเส้นทาง

ด้วยปัจจุบัน รถรับจ้างขนของ นั้นมีจำนวนมาก ด้วยสังคม ของคนไทยส่วนใหญ่ในแทบทุกบ้านจะมีรถกระบะเป็นของตัวเอง ในบางคนก็จะออกรถกระบะมาเพื่อใช้งานในครอบครัวบางคนก็มาใช้งานเพื่อการรับจ้าง ซึ่งมีอยู่ทั่ว ประเทศ ดังนั้นเราจึงควรเลือกผู้ให้บริการรถกระบะรับจ้างที่มีประสบการณ์และมีความเป็นมืออาชีพเข้ามาให้บริการรับจ้างขนของแก่เราเพื่อไม่ให้สินค้าของเรานั้น ชำรุดเสียหาย และที่สำคัญต้องเป็นผู้ให้บริการที่สามารถจะรับประกันสินค้าของเราได้หากเกิดกรณี อุบัติเหตุ หรืออื่นๆ ในสิ่งที่เราไม่คาดคิด

การเลือกใช้บริการรถกระบะรับจ้างขนของสมุทรปราการมีขั้นตอนง่ายๆดังนี้

    เลือกใช้รถกระบะรับจ้างที่สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง
    ราคาค่าขนย้ายของรถกระบะขนของจะต้องไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป
    มีการบริการที่ดีพูดจาสุภาพมีความเป็นกันเอง
    รักในงานบริการและเข้าใจผู้ใช้บริการ
    มีพนักงานยกสินค้า ไว้คอยบริการ

จุดให้บริการของรถกระบะรับจ้างขนของสมุทรปราการ มีได้แก่

รถรับจ้างภาคกลาง

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดกรุงเทพ

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดนนทบุรี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดปทุมธานี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดลพบุรี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสระบุรี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดอ่างทอง

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดนครนายก

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสิงห์บุรี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสุพรรณบุรี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสมุทรปราการ

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสมุทรสงคราม

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสมุทรสาคร

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดราชบุรี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดกาญจนบุรี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดอยุธยา

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดฉะเชิงเทรา

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดนครปฐม

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดเพชรบุรี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดชัยนาท

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดหัวหิน

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

รถรับจ้างภาคอีสาน

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดขอนแก่น

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดมหาสารคาม

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสกลนคร

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดศรีสะเกษ

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดอุบลราชธานี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดหนองคาย

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดชัยภูมิ

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดมุกดาหาร

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดอำนาจเจริญ

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดนครพนม

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดบุรีรัมย์

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดหนองบัวลำภู

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดกาฬสินธุ์

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดอุดรธานี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดเลย

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดร้อยเอ็ด

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดยโสธร

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสุรินทร์

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดบึงกาฬ

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดนครราชสีมา

รถรับจ้างภาคเหนือ

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดเชียงใหม่

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดเชียงราย

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดอุทัยธานี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดลำพูน

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดเพชรบูรณ์

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดน่าน

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดพะเยา

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดลำปาง

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสุโขทัย

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดพิจิตร

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดอุตรดิตถ์

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดตาก

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดแพร่

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดกำแพงเพชร

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดนครสวรรค์

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดพิษณุโลก

รถรับจ้างภาคตะวันออก

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดชลบุรี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดระยอง

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดปราจีนบุรี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดตราด

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดจันทบุรี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสระแก้ว

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดพัทยา

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดเกาะเสม็ด

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดเกาะช้าง

รถรับจ้างใต้

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสงขลา

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดชุมพร

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดพังงา

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดนครศรีธรรมราช

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดตรัง

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดพัทลุง

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดกระบี่

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสตูล

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดภูเก็ต

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดระนอง

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดนราธิวาส

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดปัตตานี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดยะลา

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดหาดใหญ่

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดเกาะพีพี

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดเกาะพะงัน

รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดเกาะสมุย

4
บริการทำความสะอาด: สิ่งห้ามทำ ถ้าไม่อยากให้ห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค

“ห้องน้ำ” เป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญซึ่งต้องสะอาดตามหลักสุขอนามัย ไม่เป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อโรค นอกจากนี้ ห้องน้ำยังเป็นสถานที่พักใจของใครหลาย ๆ คน แต่หากว่าเราอยากให้ห้องน้ำเป็น Safe Zone ทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง เราไม่ควรจะทำ 6 สิ่งนี้ เพราะจะทำให้ห้องน้ำกลายเป็นศูนย์รวมการสะสมของเชื้อโรคได้

1. ไม่ล้างแปรงล้างห้องน้ำ ทิ้งไว้ในที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท

เราทุกคนรู้ว่า เราควรจะทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือถ้าให้ดีควรทำความสะอาดทุกวัน หรือ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก และมีเชื้อโรคสะสม ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราได้ แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนหลงลืมไปคือ หลังจากใช้แปรงขัดห้องน้ำแล้ว จะต้องล้างทำความสะอาด ตากแดดให้แห้ง และเก็บไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเท

รู้หรือไม่ว่า แปรงล้างห้องน้ำ เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียในห้องน้ำ และสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ได้ หากว่าเราทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ ดังนั้น เมื่อล้างห้องน้ำเสร็จทุกครั้ง ให้ทำความสะอาดแปรงให้สะอาด ปราศจากเชื้อโรค และวางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเท หรือรอจนแห้งสนิทก่อนเก็บเข้าที่

2. มองข้ามอุปกรณ์สะสมเชื้อโรคในห้องน้ำ

หากถามคนทั่วไปว่าสิ่งไหนในห้องน้ำที่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคมากที่สุด หลายคนอาจจะตอบว่า “โถสุขภัณฑ์” แต่รู้หรือไม่ว่า อุปกรณ์ที่สะสมเชื้อโรคมากที่สุด เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมองข้ามไป นั่นก็คือ ที่ใส่แปรงสีฟัน พรมเช็ดพื้น และม่านห้องน้ำนั่นเอง

เชื่อว่าเมื่อเราทำความสะอาดห้องน้ำ สิ่งหนึ่งที่เรามักทำความสะอาดเป็นพิเศษก็คือ โถสุขภัณฑ์หรือชักโครก แต่หลายคนกลับไม่ได้สนใจล้างที่ใส่แปรงสีฟัน ซักพรมเช็ดเท้า และเปลี่ยนผ้าม่าน

ด้วยเหตุนี้ เราควรจะล้างที่ใส่แปรงสีฟันเป็นประจำทุกวัน แยกที่ใส่แปรงสีฟันของแต่ละคนไม่ให้ปะปนกัน รวมถึงเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3-6 เดือน ซักพรมเช็ดเท้าสัปดาห์ละครั้ง รวมถึงเปลี่ยนผ้าม่านห้องน้ำ 6 เดือนครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคในห้องน้ำ

3. ไม่จัดการกับฝักบัวอุดตัน

อีกจุดหนึ่งที่หลายคนมองข้าม ละเลยการทำความสะอาด กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มีคราบสกปรกอุดตัน ทำให้น้ำไหลเอื่อย และเป็นที่สะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ นั่นก็คือ ฝักบัวนั่นเอง

สำหรับบ้านไหนที่ฝักบัวอุดตัน ให้เราลองใช้แปรงสีฟันบีบยาสีฟันแล้วแปรงบริเวณหัวของฝักบัว แต่หากว่าคราบฝังแน่น อาจจะต้องนำหัวฝักบัวมาแช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชูประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก หรือใครอยากแน่ใจว่าไม่มีคราบเหลือ ก็อาจจะใช้ไม้จิ้มฟัน หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดฝักบัวมาจิ้มตามรูน้ำ แต่หากไม่ไหวจริง ๆ แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ไปเลย

อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรปล่อยปละละเลยให้ฝักบัวกลายเป็นจุดสะสมของเชื้อโรค ดังนั้น หลังอาบน้ำเสร็จทุกครั้ง ให้เราทำความสะอาดฝักบัวด้วยการล้างคราบสบู่ แชมพูออกให้หมด แล้วใช้ผ้าสะอาดนุ่ม ๆ เช็ดคราบน้ำออกทุกครั้ง

เทน้ำยาล้างห้องน้ำ กลิ่นไม่ฉุนไว้แค่ 10-15 นาที

4. เทน้ำยาล้างห้องน้ำทิ้งไว้นานเกินไป

สารภาพมาเสียดี ๆ ใครคิดว่า ยิ่งเทน้ำยาล้างห้องน้ำทิ้งไว้นาน ๆ จะยิ่งทำให้คราบสกปรกหายไปและขัดห้องน้ำได้ง่ายยิ่งขึ้น

ความเชื่อนี้ผิด และอาจจะให้ผลในทางตรงกันข้าม

หากว่าเราเทน้ำยาล้างห้องน้ำทิ้งเกินจากเวลาที่ระบุเอาไว้นานเกินไป หรือว่าน้ำยาล้างห้องน้ำแรงเกินไป จนน้ำยาแห้ง นอกจากจะทำให้ขัดยากกว่าเดิมแล้ว อาจจะกัดยาแนวจนทำให้ความชื้นเข้าไปใต้กระเบื้อง เสี่ยงต่อการเกิดเชื้อรา และทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้เช่นเดียวกัน

5. ทิ้งคราบน้ำไว้ให้ระเหยไปเอง

เมื่อเราทำความสะอาดห้องน้ำเสร็จแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะปล่อยทิ้งเอาไว้ให้คราบน้ำระเหยไปเอง และนี่คือสาเหตุของเชื้อราและกลิ่นอับชื้นที่สะสมในห้องน้ำ

ดังนั้น หลังจากที่เราล้างห้องน้ำเสร็จ ให้เรานำผ้าสะอาดมาซับน้ำให้แห้ง เปิดประตูหน้าต่างให้แสงแดดเข้า และอากาศถ่ายเทได้สะดวก ลดการสะสมของเชื้อโรค

6. เลือกน้ำยาล้างห้องน้ำผิดประเภท

สำหรับน้ำยาล้างห้องน้ำในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ก็คือ

    น้ำยาล้างห้องน้ำแบบมีกรดไฮโดรคลอริกในปริมาณ 15-22% มักมีกลิ่นฉุน เวลาใช้จะต้องผสมน้ำในอัตรา 1:1 จากนั้นราดลงไปบนพื้นผิว รอ 10-15 นาทีแล้วค่อยขัด คราบฝังแน่นจะหลุดได้ง่าย แต่ก็อาจจะกัดกร่อนพื้นผิวและยาแนว ทำให้มีความชื้นเข้าไปสะสมใต้กระเบื้องจนเกิดเชื้อราได้เช่นเดียวกัน
    น้ำยาล้างห้องน้ำแบบไม่มีกรดไฮโดรคลอริก หรือมีน้อยกว่า 15% กลิ่นไม่ฉุน มักมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เวลาใช้ให้ผสมน้ำในอัตรา 1:0.5 ราดทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีเช่นเดียวกัน สามารถใช้ล้างห้องน้ำได้ทุกวัน ไม่กัดกร่อนพื้นผิว ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง

เพื่อสุขอนามัยที่ดี เราขอแนะนำให้ล้างห้องน้ำทุกวัน เป็นการกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรก การใช้น้ำยาล้างห้องน้ำแบบไม่มีกรด กลิ่นไม่ฉุน เป็นทางเลือกที่ดีกว่าอย่างแน่นอน

5
ดอกบัวในโถแก้ว: ดูแลดอกไม้แห้งอย่างไร?

ดอกไม้แห้งกลายเป็นที่นิยมและเป็นทางเลือกแทนดอกไม้สดแบบดั้งเดิม เมื่อคุณได้ซื้อช่อดอกไม้แห้งแล้ว และคุณอาจสงสัยว่าคุณควรดูแลดอกไม้แห้งอย่างไร

เคลื่อนย้ายช่อดอกไม้แห้งอย่างนุ่มนวล เราจะทำการจัดส่งช่อดอกไม้ให้มาถึงมือคุณอย่างปลอดภัย แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ดอกไม้เหล่านี้เสียหาย เราขอแนะนำให้คุณผูกช่อดอกไม้และสัมผัสดอกไม้เบาๆ เพราะดอกไม้แห้งนั้นค่อนข้างบอบบาง

ควรเก็บให้พ้นแสงแดด ควรเก็บรักษาช่อดอกไม้แห้งให้ห่างจากที่ที่มีลม และให้พ้นจากแสงแดด เนื่องจากสีของดอกไม้จะจางลงอย่างรวดเร็วเมื่อโดนแสงแดดโดยตรง

ห้ามเติมน้ำลงใส่แจกันดอกไม้แห้ง เพราะดอกไม้เหล่านี้ไม่ต้องการน้ำ ดังนั้นควรเก็บให้ห่างจากความชื้น

ทำความสะอาดเบาๆ หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดด้วยอุปกรณ์ที่มีลักษณะแข็ง ควรทำความสะอาดด้วยไม้ปัดขนไก่เพื่อปัดฝุ่นออกไป

การจัดดอกไม้แห้งในแจกัน

การจัดดอกไม้แห้งในแจกันเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการทำให้ห้องนั่งเล่นของคุณสวยงาม น่ามอง พื้นผิวที่แตกต่างกันของดอกไม้แห้งและใบไม้เป็นของตกแต่งที่น่ารักสำหรับทุกห้อง การจัดดอกไม้แห้งในแจกันเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความมีมิติให้กับห้อง ไม่ว่าคุณต้องการสไตล์แบบไหน ช่อดอกไม้แห้งของเรามีให้คุณเลือกหลากหลายเฉดสี เพื่อทำให้เข้ากับของตกแต่งที่คุณมีอยู่ได้อย่างง่ายดาย

หากคุณต้องเดินทางตลอดเวลา คุณไม่จำเป็นต้องมาคอยจัดดอกไม้แห้งใหม่ เพราะเจ้าดอกไม้แห้งนี้จะคงความสวยงามได้นานหลายสัปดาห์หรือนานหลายเดือน และยังคงอยู่ในสภาพเดิมได้เป็นเวลานาน  สิ่งที่ดีที่สุดของดอกไม้แห้งเหล่านี้คือพวกมันไม่ต้องการการดูแลที่เป็นพิเศษนั่นเอง

ดอกไม้แห้งสามารถเก็บรักษาได้นานแค่ไหน?

ดอกไม้ที่เก็บรักษาไว้มีอายุการใช้งานประมาณ 1 ถึง 3 ปี หากคุณดูแลช่อดอกไม้เหล่านี้อย่างระมัดระวัง

ดอกไม้แห้งเป็นที่นิยมในประเทศไทยหรือไม่?

ใช่ ดอกไม้แห้งเป็นที่นิยมในประเทศไทยเนื่องจากมีอายุการใช้งานที่นานกว่าดอกไม้สดและไม่ต้องการการดูแลมากนัก ถึงจะมีราคาที่แพงกว่าดอกไม้สด แต่ข้อดีคือสามารถใช้ตกแต่งพื้นที่ได้นานโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนดอกไม้บ่อยๆ

ดอกไม้แห้งเป็นดอกไม้จริงหรือไม่?

ดอกไม้แห้งหรือที่เรียกกันว่าดอกไม้แปรรูป ครั้งนึงเคยเป็นดอกไม้จริงทั้งหมดแต่ถูกทำให้แห้งเพื่อคงรูปร่างและสีเดิมของดอกไม้เอาไว้

6
ก่อนพาลูกน้อยเข้าจัดฟันเด็ก EF Line ควรคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง

ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผู้ปกครองไม่ควรละเลย เพราะการที่พ่อแม่ผู้ปกครองละเลยในเรื่องของสุขภาพฟันของลูกน้อย อาจจะทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ดี ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้


ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะปลูกฝังให้เด็กรู้จักตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพช่องปาก และฟัน เพราะในวัยเด็ก แน่นอนว่าไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่ชื่นชอบการรับประทานขนมหวาน ลูกอม หรืออาหารที่มีรสหวาน ซึ่งการรับประทานอาหารเหล่านี้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุของเด็กมาก ถ้าหากไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดี จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมเด็กจึงเกิดโรคฟันผุได้ง่าย ซึ่งการเกิดฟันผุในเด็กนั้น อาจจะส่งผลกระทบมาจนถึงวัยผู้ใหญ่ได้ เพราะการที่เราไม่ดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดีตั้งแต่ยังมีฟันน้ำนม อาจจะทำให้ฟันแท้ของเราที่จะขึ้นมามีรูปร่างและลักษณะการขึ้นของฟันที่มีความผิดปกติได้

ดังนั้น ควรให้ความสนใจในเรื่องของการดูแลฟันตั้งแต่ยังมีฟันน้ำนม เพื่อที่จะได้มีฟันแท้ที่สวยงามและมาเกิดปัญหาในอนาคต แต่ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดมีบุตรหลานที่มีปัญหาในเรื่องของรูปร่างฟัน การขึ้นของฟันที่มีความผิดปกติ หรือการสบฟันที่ผิดปกติ ก็ควรพาบุตรหลานเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสังเกตสัญญาณผิดปกติเหล่านี้ และรีบพาบุตรหลานเข้ารับการแก้ไข

ซึ่งหากใครอยากพาบุตรหลานเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยโปรแกรม EF Line ก็สามารถพาบุตรหลานเข้ามารักษาได้ ตั้งแต่อายุ 4-7 ปี แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ก่อนที่เราจะพาบุตรหลานเข้าจัดฟัน EF Line เราจะต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง และจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ก่อนเข้ารักษาด้วยการจัดฟัน EF Line และวันนี้เราจะมาพูดถึงการพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน EF Line จะต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง

อย่างแรกเลย เราต้องคำนึงถึงตัวเด็กก่อนเป็นอันดับแรก ว่า บุตรหลานของท่านจะสามารถให้ความร่วมมือในการเข้ารับการจัดฟันได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเราจะต้องปลูกฝังถึงข้อดีของการที่เข้ารับการจัดฟัน EF Line เพื่อให้ลูกน้อยของเรา สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์จัดฟันได้เป็นอย่างดี  เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ต่อมาก็คือ การเลือกสถานบริการทางทันตกรรม

โดยพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะศึกษารายละเอียดในการจัดฟัน EF Line เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกสถานที่เข้ารับการจัดฟัน จะต้องเลือกคลินิกทันตกรรมที่มีความปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ และมีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟัน EF Line เพื่อที่จะได้พาบุตรหลานของท่านเข้ารับการรักษาที่มีมาตรฐานและความปลอดภัยมากที่สุด เพราะในเรื่องของความปลอดภัยของบุตรหลานของท่านก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น

ก่อนที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน EF Line จะเลือกสถานที่ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยมากที่สุด ต่อมาในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษา ควรศึกษาข้อมูลและรายละเอียดในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้ดี ควรวางแผนในเรื่องของราคาของการจัดฟัน EF Line โดยเลือกบริการที่สามารถตอบโจทย์และเหมาะสมกับปัญหาฟันของบุตรหลานของเรา เพื่อให้เข้ากับแนวทางของเราด้วย

ซึ่งเรื่องของค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าแต่ละที่ย่อมมีความแตกต่างกัน และสุดท้ายควรคำนึงถึงการสร้างทัศนคติที่ดีในการดูแลรักษาฟันให้ลูกน้อยของท่าน เพื่อที่จะได้ปลูกฝังในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้ดี เพราะเด็กบางคนกลัวการเข้าพบทันตแพทย์ อาจจะกลัวเจ็บ หรือรู้สึกเขินอาย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพูดทำความเข้าใจให้เด็กรู้สึกว่า เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันเป็นเรื่องที่สำคัญที่เราจะต้องดูแลให้มากเป็นพิเศษ

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน EF Line สามารถติดต่อสอบถามได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมในเด็ก สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องและตรงจุด เพื่อให้เด็กๆทุกคน มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพราะเรื่องสุขภาพฟัน ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยของเรา และจะช่วยทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

7
พูดคุยเรื่องทั่วไป / หมอออนไลน์: เอดส์
« เมื่อ: วันที่ 24 กันยายน 2025, 16:12:19 น. »
หมอออนไลน์: เอดส์

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อเอชไอวี* ซึ่งเป็นไวรัสชนิดใหม่ เพิ่งมีการเพาะเลี้ยงแยกเชื้อได้ในปี พ.ศ. 2526 เชื้อนี้มีมากในเลือด น้ำอสุจิ และน้ำเมือกในช่องคลอดของผู้ติดเชื้อ จึงสามารถแพร่เชื้อได้โดย

1. ทางเพศสัมพันธ์ ทั้งต่างเพศและเพศเดียวกัน (ในชายรักร่วมเพศ หรือเกย์) เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายทางช่องคลอด ทวารหนัก และทางปากที่เกิดแผลหรือรอยแยก

2. ทางเลือด เช่น การได้รับการถ่ายเลือด การปลูกถ่ายอวัยวะที่มีเชื้อ การแปดเปื้อนผลิตภัณฑ์จากเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เป็นต้น

ส่วนการใช้ของมีคม (เช่น ใบมีดโกน เป็นต้น) ร่วมกับผู้ติดเชื้อ การสัก การเจาะหู อาจมีโอกาสแปดเปื้อนเลือดที่มีเชื้อได้ แต่จะมีโอกาสติดโรคได้ก็ต่อเมื่อมีแผลเปิด และปริมาณเลือดหรือน้ำเหลืองที่เข้าไปในร่างกายมีจำนวนมากพอ

3. การติดต่อจากมารดาที่มีเชื้อสู่ทารก ตั้งแต่ระยะอยู่ในครรภ์ ระยะคลอด และระยะเลี้ยงดูหลังคลอด โอกาสที่ทารกจะติดเชื้อจากมารดาประมาณร้อยละ 20-50

เชื้อเอชไอวีเมื่อเข้าสู่ร่างกาย ก็จะมีการเพิ่มจำนวน สามารถแยกเชื้อไวรัสหรือตรวจพบสารก่อภูมิต้านทาน (แอนติเจน) ได้หลังติดเชื้อ 2-6 สัปดาห์ และจะตรวจพบสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ได้หลังติดเชื้อ 3-12 สัปดาห์

ผู้ที่ตรวจพบสารภูมิต้านทานในเลือดร้อยละ 90 จะมีเชื้อเอชไอวีในกระแสเลือด ซึ่งสามารถแพร่โรคให้ผู้อื่นได้ แม้จะไม่มีอาการอะไรเลยก็ตาม

*เชื้อเอชไอวีมี 2 ชนิด (serotype) ได้แก่ HIV-1 และ HIV-2 การระบาดทั่วโลกส่วนใหญ่ (รวมทั้งประเทศไทย) เกิดจาก HIV-1 ซึ่งยังแบ่งเป็นชนิดย่อย ๆ ได้อีกหลายชนิด ส่วน HIV-2 พบระบาดในแอฟริกา

อาการ

ผู้ติดเชื้อเอชไอวีจะมีอาการแสดงตามระยะของโรค ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระยะด้วยกันดังนี้

1. ระยะแรกเริ่มของการติดเชื้อเอชไอวี (primary HIV infection หรือ acute retroviral syndrome) ระยะนี้นับตั้งแต่เริ่มติดเชื้อเอชไอวี จนกระทั่งร่างกายเริ่มสร้างสารภูมิต้านทาน กินเวลาประมาณ 2-6 สัปดาห์ หลังติดเชื้อผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ มีแผลในปาก มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ เหงื่อออกตอนกลางคืน คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว น้ำหนักลด หรือมีฝ้าขาวในช่องปาก อาการเหล่านี้มักจะเป็นอยู่ 1-2 สัปดาห์ (บางรายเพียง 2-3 วัน บางรายอาจนานถึง 10 สัปดาห์) แล้วหายไปได้เอง

เนื่องจากอาการคล้ายกับไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือไข้ทั่ว ๆ ไป ผู้ป่วยอาจรักษาตัวเองและไม่ได้ไปพบแพทย์ หรือเมื่อไปพบแพทย์ก็อาจไม่ได้รับการตรวจเลือด นอกจากนี้บางรายหลังติดเชื้ออาจไม่มีอาการผิดปกติปรากฏให้เห็น ดังนั้น ผู้ติดเชื้อจึงอาจไม่ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ในระยะนี้

2. ระยะเรื้อรังหรือระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ (chronic HIV/clinical latent infection) ระยะนี้ผู้ป่วยจะไม่มีอาการ และแข็งแรงเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป โดยที่ยังคงมีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกาย และสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ จะทราบได้ก็ด้วยการตรวจเลือดซึ่งจะพบเชื้อเอชไอวีและสารภูมิต้านทานต่อเชื้อชนิดนี้

ระยะนี้แม้ว่าจะไม่มีอาการ แต่เชื้อเอชไอวีจะแบ่งตัวเจริญขึ้นไปเรื่อย ๆ และทำลาย CD4 จนมีจำนวนลดลง โดยเฉลี่ยประมาณปีละ 50-75 เซลล์/ลบ.มม. จากระดับปกติ (คือ 600-1,000 เซลล์) เมื่อลดต่ำลงมาก ๆ ก็จะเกิดอาการเจ็บป่วย (เข้าสู่ระยะที่ 3) ทั้งนี้อัตราการลดลงของ CD4 จะเร็วช้าขึ้นกับความรุนแรงของเชื้อเอชไอวี และสภาพความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย

ระยะนี้มักเป็นอยู่นาน 5-10 ปี บางรายอาจสั้นเพียง 2-3 เดือน แต่บางรายอาจนานกว่า 10-15 ปีขึ้นไป

3. ระยะติดเชื้อที่มีอาการ (symptomatic HIV infection) หรือระยะป่วยเป็นเอดส์ (AIDS) ผู้ป่วยจะมีอาการมากน้อยขึ้นกับจำนวน CD4 ดังนี้

3.1 อาการเล็กน้อย ระยะนี้ถ้าตรวจ CD4 จะมีจำนวนมากกว่า 500 เซลล์/ลบ.มม. ผู้ป่วยอาจมีอาการ ดังนี้

    ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตเล็กน้อย
    โรคเชื้อราที่เล็บ
    แผลแอฟทัส (aphthous ulcer)
    ผิวหนังอักเสบชนิดเกล็ดรังแคที่ไรผม ข้างจมูก ริมฝีปาก
    ฝ้าขาวข้างลิ้น (hairy leukoplakia) ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสอีบีวี (Epstein-Barr virus/EBV) มีลักษณะเป็นฝ้าขาวที่ด้านข้างของลิ้น ซึ่งขูดไม่ออก
    โรคโซริอาซิสที่เคยเป็นอยู่เดิมกำเริบ


3.2 อาการปานกลาง ระยะนี้ถ้าตรวจ CD4 จะมีจำนวนระหว่าง 200-500 เซลล์/ลบ.มม. ผู้ป่วยอาจมีอาการทางผิวหนังและเยื่อบุช่องปากแบบข้อ 3.1 หรือไม่ก็ได้ อาการที่อาจพบได้มีดังนี้

    เริม ที่ริมฝีปากหรืออวัยวะเพศ ซึ่งกำเริบบ่อย และเป็นแผลเรื้อรัง
    งูสวัด ที่มีอาการกำเริบอย่างน้อย 2 ครั้ง หรือขึ้นพร้อมกันมากกว่า 2 แห่ง
    โรคเชื้อราในช่องปาก หรือช่องคลอด
    ท้องเดินบ่อย หรือเรื้อรังนานเกิน 1 เดือน
    ไข้เกิน 37.8 องศาเซลเซียส แบบเป็น ๆ หาย ๆ หรือติดต่อกันทุกวันนานเกิน 1 เดือน
    ต่อมน้ำเหลืองโตมากกว่า 1 แห่งในบริเวณที่ไม่ติดต่อกัน (เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ) นานเกิน 3 เดือน
    น้ำหนักลดเกินร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ
    ปวดกล้ามเนื้อและข้อ
    ไซนัสอักเสบเรื้อรัง
    ปอดอักเสบจากแบคทีเรีย ซึ่งเป็นซ้ำบ่อย

3.3 อาการรุนแรง (ระยะเป็นเอดส์เต็มขั้น) ระยะนี้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยเสื่อมเต็มที่ ถ้าตรวจ CD4 จะพบมีจำนวนต่ำกว่า 200 เซลล์/ลบ.มม. เป็นผลทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย โปรโตซัว วัณโรค เป็นต้น ฉวยโอกาสเข้ารุมเร้า เรียกว่า โรคติดเชื้อฉวยโอกาส (opportunistic infections) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อที่รักษาค่อนข้างยาก และอาจติดเชื้อชนิดเดิมซ้ำอย่างเดียวหรือติดเชื้อชนิดใหม่ หรือติดเชื้อหลายชนิดร่วมกัน

ระยะนี้ผู้ป่วยอาจมีอาการดังนี้

    เหงื่อออกมากตอนกลางคืน
    ไข้ หนาวสั่น หรือไข้สูงเรื้อรังติดต่อกันหลายสัปดาห์หรือเป็นแรมเดือน
    ไอเรื้อรัง หรือหายใจหอบเหนื่อยจากวัณโรคปอด หรือปอดอักเสบ
    ท้องเดินเรื้อรัง จากเชื้อราหรือโปรโตซัว
    น้ำหนักลด รูปร่างผอมแห้ง และอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
    ปวดศีรษะรุนแรง ชัก สับสน ซึม หรือหมดสติจากการติดเชื้อในสมอง
    แขนขาชา หรืออ่อนแรง
    ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
    กลืนลำบาก หรือเจ็บเวลากลืน เนื่องจากหลอดอาหารอักเสบจากเชื้อรา
    สายตาพร่ามัวมองไม่ชัด หรือเห็นเงาหยากไย่ลอยไปมาจากจอตาอักเสบ
    ตกขาวบ่อย
    มีผื่นคันตามผิวหนัง (papulopruritic eruption)
    ซีด
    มีจุดแดงจ้ำเขียว หรือเลือดออกจากภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือไอทีพี
    สับสน ความจำเสื่อม หลงลืมง่าย ไม่มีสมาธิ พฤติกรรมผิดแปลกไปจากเดิม เนื่องจากความผิดปกติของสมอง (อ่านเพิ่มเติมในหัวข้อ "ภาวะแทรกซ้อน" ด้านล่าง)
    อาการของโรคมะเร็งที่เกิดแทรกซ้อน เช่น มะเร็งของผนังหลอดเลือดที่เรียกว่า Kaposi’s sarcoma (KS)* มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในสมอง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก เป็นต้น

ในเด็ก ที่ติดเชื้อเอชไอวี ระยะแรกอาจมีอาการน้ำหนักตัวไม่ขึ้นตามเกณฑ์ เมื่อโรคลุกลามมากขึ้นก็อาจมีอาการเดินลำบากหรือพัฒนาการทางสมองช้ากว่าปกติ และเมื่อเป็นเอดส์เต็มขั้น นอกจากมีโรคติดเชื้อฉวยโอกาสแบบเดียวกับผู้ใหญ่แล้ว ยังอาจพบว่าหากเป็นโรคที่พบทั่วไปในเด็ก (เช่น หูชั้นกลางอักเสบ ปอดอักเสบ ทอนซิลอักเสบ) ก็มักจะมีอาการรุนแรงมากกว่าปกติ

ฝ้าขาวข้างลิ้น (hairy leukoplakia)
ลักษณะเป็นฝ้าขาวที่ด้านข้างของลิ้น ซึ่งขูดไม่ออก

*เกิดจากเชื้อไวรัส human herpesvirus 8 (HHV8) หรือ Kaposi’s sarcoma associated herpesvirus (KSHV) มีลักษณะเป็นผื่นหรือตุ่มรูปกลมหรือวงรี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-5 มม. สีน้ำตาล สีแดง สีม่วง หรือสีดำ ที่ผิวหนัง (พบได้ทุกส่วน พบบ่อยที่ใบหน้าและขา) ภายในช่องปาก (เพดานแข็ง เหงือก ลิ้น)

ผื่นตุ่มที่ผิวหนังจะไม่มีอาการเจ็บปวดหรือคันแต่อย่างใด ส่วนมากจะขึ้นมากกว่า 1 รอยโรคซึ่งอยู่แยกกัน และมีรอยโรคใหม่ทยอยขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกสัปดาห์ บางครั้งก็อาจแผ่รวมกันเป็นผื่นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหลายเซนติเมตร

ส่วนผื่นในช่องปาก บางครั้งอาจกลายเป็นแผล มีเลือดออก และอาจทำให้พูดและกินอาหารได้ลำบาก อาจทำให้ฟันหลุด หรืออุดกั้นทางเดินหายใจ

ถ้าเป็นที่บริเวณต่อมน้ำเหลือง อาจทำให้ขาบวมจากการอุดกั้นของทางเดินน้ำเหลือง

นอกจากนี้อาจขึ้นที่เยื่อบุทางเดินอาหาร (อาจทำให้ท้องเดิน ลำไส้อุดกั้น ถ่ายเป็นเลือด) เยื่อบุทางเดินหายใจ (อาจทำให้ไอเป็นเลือด หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก)

ภาวะแทรกซ้อน

มักพบในผู้ป่วยเอดส์ที่ขาดการรักษา มีจำนวน CD4 ต่ำกว่า 200 เซลล์/ลบ.มม. ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่

1. การติดเชื้อฉวยโอกาส ซึ่งอาจมีความรุนแรง และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้ บางรายอาจมาพบแพทย์ด้วยอาการของภาวะแทรกซ้อนมากกว่าอาการของโรคเอดส์เอง โรคติดเชื้อฉวยโอกาสที่พบบ่อย ได้แก่

    วัณโรคปอด และวัณโรคนอกปอด (เช่น ต่อมน้ำเหลือง เยื่อหุ้มสมอง เยื่อหุ้มปอด เยื่อหุ้มหัวใจ วัณโรคชนิดแพร่กระจาย) ซึ่งมักเป็นรุนแรงและอาจดื้อต่อยารักษาวัณโรคหลายชนิด
    ปอดอักเสบจากเชื้อรานิวโมซิสติสจิโรเวซิ (Pneumocystis jiroveci) เรียกว่า "ปอดอักเสบจากนิวโมซิสติส (pneumocystis pneumonia/PCP)"
    เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อราคริปโตค็อกคัส (cryptococcal meningitis) มักพบในผู้ป่วยเอดส์ที่มีจำนวน CD4 ต่ำกว่า 50 เซลล์/ลบ.มม.
    หลอดอาหารอักเสบจากเชื้อราแคนดิดา (esophageal candidiasis) ทำให้มีอาการกลืนลำบาก เจ็บเวลากลืน เจ็บตรงบริเวณหลังกระดูกลิ้นปี่ และมักมีโรคเชื้อราในช่องปากร่วมด้วย นอกจากนี้ยังอาจพบหลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบจากเชื้อแคนดิดา
    ปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ที่พบในคนปกติทั่วไป แต่มักจะเป็นมากกว่า 1 ครั้งใน 1 ปี
    โรคติดเชื้อฉวยโอกาสอื่น ๆ เช่น จอตาอักเสบจากเชื้อไวรัสไซโตเมกะโล (cytomegalovirus/CMV retinitis ทำให้สายตามัว อาจรุนแรงถึงตาบอดได้ มักพบในผู้ป่วยที่มี CD4 ต่ำกว่า 50 เซลล์/ลบ.มม.) ท้องเดินรุนแรงจากเชื้อซัลโมเนลลา (salmonellosis), การติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งอาจทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูก, การติดเชื้อไวรัสโพลีโอมา (polyomavirus) ที่สมอง ทำให้เกิดความผิดปกติของสมองที่เรียกว่า "Progressive multifocal leukoencephalopathy" (มีอาการพูดลำบาก ตาบอดข้างหนึ่ง แขนขาชาและอ่อนแรงซีกหนึ่ง ความจำเสื่อม), การติดเชื้อรุนแรงชนิดแพร่กระจายทั่วร่างกายจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium avium complex (MAC) เชื้อโปรโตซัว-Toxoplasma gondii และเชื้อรา-Histoplasma capsulatum เป็นต้น


2. ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น

    มะเร็ง ที่พบบ่อยได้แก่ มะเร็งของผนังหลอดเลือดที่มีชื่อว่า Kaposi’s sarcoma มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก (ในผู้ป่วยที่เป็นชายรักร่วมเพศ)
    เนื่องจากผู้ป่วยมีโอกาสสูงที่จะมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี (จากการติดต่อทางเลือดและเพศสัมพันธ์แบบเดียวกับเอชไอวี) หากไม่ได้รับยาต้านเอชไอวีและไวรัสตับอักเสบพร้อมกันไป ผู้ป่วยมักเกิดตับอักเสบจากไวรัสชนิดรุนแรง ซึ่งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา ได้แก่ ตับแข็ง มะเร็งตับ ตับวาย
    ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทและสมอง ที่พบบ่อยก็คือ ภาวะ AIDS dementia complex หรือ ADC (มีชื่อเรียกอื่น เช่น HIV dementia, HIV encephalopathy, HIV associated dementia) ซึ่งไม่ได้เกิดจากโรคติดเชื้อแทรกซ้อนของสมอง แต่เป็นผลการเปลี่ยนแปลงของเซลล์สมองจากเชื้อเอชไอวีโดยตรง ทำให้มีอาการผิดปกติทางสมองและจิตประสาท เช่น ความจำเสื่อม หลงลืมง่าย สับสน ขาดสมาธิ การทำงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ (เช่น พูดลำบาก เคลื่อนไหวเชื่องช้า เดินเซ สั่น แขนขาเป็นอัมพาต กลั้นปัสสาวะไม่ได้) พฤติกรรมผิดแปลกไปจากเดิม (เช่น ไร้อารมณ์ ซึม กระสับกระส่าย ฟุ้งพล่าน ไม่ยอมพูด) มักพบในผู้ป่วยเอดส์ระยะท้าย ๆ ปัจจุบันพบภาวะนี้ได้น้อยลงเนื่องจากมีการรักษาด้วยยาต้านเอชไอวี

นอกจากนี้ ยังอาจมีโรคไขสันหลังอักเสบ (ขาชาและอ่อนแรง กลั้นปัสสาวะไม่ได้) ปลายประสาทอักเสบ (มีอาการปวดแสบปวดร้อนและชาที่ขา) กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร

    อาการน้ำหนักลดมากจนมีลักษณะผอมแห้ง (wasting syndrome) มักมีอาการไข้เรื้อรัง ท้องเดิน และอ่อนเปลี้ยเพลียแรงร่วมด้วย
    ภาวะโลหิตจาง
    ภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากไอทีพี
    ปวดข้อ ข้ออักเสบ
    ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
    ถุงน้ำดีอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ (pelvic Inflammatory disease) ช่องคลอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
    โรคไตพิการที่สัมพันธ์กับเอชไอวี (HIV-associated nephropathy/HIVAN) การติดเชื้อเอชไอวีก่อให้เกิดการอักเสบของหน่วยไตอย่างรุนแรง ซึ่งผู้ป่วยจะแสดงอาการแบบโรคไตเนโฟรติก และมีภาวะไตวายเรื้อรังระยะท้ายตามมาในเวลารวดเร็ว

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบดังนี้

ในระยะแรก ๆ อาจตรวจพบไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต บางรายอาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

ในระยะที่มีอาการป่วยเป็นเอดส์แล้ว จะตรวจพบอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น ไข้ ซูบผอม ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่ง (บริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ) ซีด จุดแดงจ้ำเขียว เป็นต้น

ในช่องปากอาจพบอาการลิ้นหรือช่องปากเป็นฝ้าขาวจากเชื้อราแคนดิดา รอยฝ้าขาวข้างลิ้น (hairy leukoplakia) แผลเริมเรื้อรัง แผลแอฟทัส ปากเปื่อย ก้อนเนื้องอก (มะเร็ง) เป็นต้น

บริเวณผิวหนังอาจพบวงผื่นของโรคเชื้อรา (กลาก เกลื้อน โรคเชื้อราแคนดิดา) ลุกลามเป็นบริเวณกว้างและเรื้อรัง เริม งูสวัด แผลเรื้อรัง พุพอง ก้อนเนื้องอก หูดข้าวสุก ผื่นหรือตุ่มสีน้ำตาล สีแดง หรือสีม่วง (Kaposi’s sarcoma) ตุ่มหนองหรือตุ่มคล้ายหูดข้าวสุกกระจายทั่วไปจากเชื้อราเพนิซิลเลียม มาร์เนฟไฟ (Penicillium marneffei) ผิวหนังแห้ง คัน เป็นเกล็ดขาว เป็นตุ่มคัน เป็นต้น

ในรายที่เป็นปอดอักเสบ จะมีอาการหายใจหอบ ใช้เครื่องฟังตรวจปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation)

ในรายที่เป็นโรคติดเชื้อของสมอง จะมีอาการซึม เพ้อ ชัก หมดสติ ถ้าเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบจะตรวจพบอาการคอแข็ง

นอกจากนี้ อาจตรวจพบอาการแขนขาชาหรืออ่อนแรงจากไขสันหลังอักเสบ หรือปลายประสาทอักเสบ ข้ออักเสบบวมแดงร้อน บวมจากโรคไต ดีซ่านจากตับอักเสบ เป็นต้น

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี ได้แก่

    การตรวจแอนติเจนและแอนติบอดี (antigen/antibody test) คือการตรวจหาทั้งแอนติเจน (เชื้อเอชไอวีหรือสารก่อภูมิต้านทาน) และแอนติบอดี (สารภูมิต้านทาน) ต่อเชื้อเอชไอวีในเลือด ด้วยชุดตรวจเดียวกัน ซึ่งจะมีช่วงเวลาที่ยังตรวจไม่พบ (window period)* 18-45 วัน
    การตรวจแอนติบอดี (antibody test) คือ การตรวจหาเฉพาะแอนติบอดีหรือสารภูมิต้านทานต่อเชื้อเอชไอวี (anti-HIV) เพียงอย่างเดียว ในเลือดหรือน้ำลาย ซึ่งจะมีช่วงเวลาที่ยังตรวจไม่พบ (window period) 23-90 วัน
    การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อเอชไอวี (nucleic acid test/NAT) โดยการนำเลือดไปตรวจ ด้วยเทคนิค NAT (nucleic acid amplification testing) ซึ่งมีช่วงเวลาที่ยังตรวจไม่พบ (window period) 10-33 วัน

ในการวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวี แพทย์จะใช้วิธีนำเลือดไปตรวจหาทั้งแอนติเจนและแอนติบอดี หรือตรวจหาเฉพาะแอนติบอดีเป็นหลัก ส่วนการตรวจหาสารพันธุกรรมจะเลือกใช้เฉพาะในบางกรณี**

ถ้าผลการตรวจเป็นลบ (ตรวจไม่พบเชื้อ) หรือยังสรุปไม่ได้แน่ชัด แพทย์อาจพิจารณาทำการตรวจซ้ำตามเห็นสมควร

ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีการติดเชื้อเอชไอวี และ/หรือหลังให้การรักษา แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม ได้แก่

    การตรวจหาจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 (CD4 count) เพื่อประเมินระยะของโรค และการวางแผนการรักษาและการให้ยาต้านเอชไอวี หากมีค่า CD4 ที่ต่ำกว่า 200 เซลล์/ลบ.มม. แสดงว่าเป็นโรคเอดส์ระยะรุนแรง (เอดส์เต็มขั้น)
    การตรวจหาปริมาณเชื้อเอชไอวีในเลือด (HIV viral load/HIV VL) ซึ่งจะตรวจหลังให้ยาต้านเอชไอวีเป็นครั้งคราวอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามประเมินผลการรักษา
    การตรวจการดื้อต่อยาต้านเอชไอวี (HIV drug resistance testing) ในรายที่แพทย์สงสัยว่าจะเกิดเชื้อดื้อต่อยาต้านเอชไอวี โดยการเจาะเลือดไปตรวจจีโนไทป์ (genotype) เพื่อตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของลำดับเบสในสารพันธุกรรมของเชื้อเอชไอวี
    การตรวจหาโรคติดเชื้อฉวยโอกาส โรคติดเชื้อที่พบร่วม และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ด้วยการตรวจพิเศษ เช่น การตรวจเลือด ปัสสาวะ เสมหะ เอกซเรย์ การส่องกล้อง การตรวจเพาะเชื้อ การตรวจกรองมะเร็ง การตรวจชิ้นเนื้อ เป็นต้น

*หลังติดเชื้อในระยะแรก ๆ ร่างกายจะมีปริมาณเชื้อและแอนติบอดีไม่มากพอที่จะตรวจพบได้ ช่วงเวลาที่ยังตรวจไม่พบ (ผลการตรวจเป็นลบ) นี้เรียกว่า "Window period" การตรวจแต่ละวิธีจะมี window period แตกต่างกันไป อาทิ การตรวจแอนติเจนและแอนติบอดี จะมีช่วงเวลาที่ยังตรวจไม่พบ (window period) 18-45 วัน หมายความว่า จะเริ่มมีโอกาสตรวจพบตั้งแต่ 18 วันหลังติดเชื้อในผู้ติดเชื้อบางราย และบางรายจะยังตรวจไม่พบ แต่หลังติดเชื้อได้ 45 วันไปแล้วก็จะมีโอกาสตรวจพบได้ทุกราย

ดังนั้น ในกรณีที่ผลการตรวจเป็นลบ (คือตรวจไม่พบ) เนื่องจากตรวจในช่วง window period หากแพทย์พิจารณาว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีภายใน 3 เดือนก่อนตรวจครั้งแรก ก็จะทำการตรวจซ้ำเพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัด

**มีประโยชน์เพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อในระยะแรกที่ยังตรวจไม่พบแอนติบอดี (anti-HIV) หรือไม่สามารถใช้แอนติบอดีแปลผลการติดเชื้อ ได้แก่ (1) การตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อในเด็กอายุน้อยกว่า 24 เดือน เนื่องจากอาจพบแอนติบอดีของมารดาที่ผ่านรกมายังทารก และยังคงพบได้ในขณะนั้น (2) การตรวจวินิจฉัยผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อมาระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน (3) ติดตามบุคลากรทางการแพทย์หลังได้รับอุบัติเหตุสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่สงสัยว่าติดเชื้อเอชไอวี

การรักษาโดยแพทย์

เมื่อตรวจเลือดยืนยันว่าเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์ แพทย์จะทำการตรวจเพื่อประเมินความรุนแรงและระยะของโรค (ตรวจเลือดนับจำนวน CD4), โรคติดเชื้อที่พบร่วม (เช่น ตรวจเลือดหาไวรัสตับอักเสบบีและซี, ตรวจวีดีอาร์แอลสำหรับโรคซิฟิลิส), ประเมินการทำหน้าที่ของไต (ตรวจระดับครีอะตินีนในเลือด ตรวจปัสสาวะ) เพื่อวางแผนการรักษาและติดตามผลข้างเคียงต่อไตจากการใช้ยาต้านเอชไอวี, ประเมินการทำหน้าที่ของตับ (ตรวจระดับ ALT และ alkaline phosphatase ในเลือด) เพื่อวางแผนการรักษาและติดตามผลข้างเคียงต่อตับจากการใช้ยาต้านเอชไอวี, ตรวจหาวัณโรคปอด (เอกซเรย์ปอด), ตรวจมะเร็งปากมดลูกระยะแรก (แพ็ปสเมียร์) เป็นต้น แล้วให้การรักษา ดังนี้

1. ควบคุมโรคติดเชื้อเอชไอวี โดยการให้ยาต้านเอชไอวี (anti-retroviral therapy/ART) ยานี้มีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อเอชไอวี สามารถลดจำนวนของเชื้อเอชไอวี ซึ่งจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ชะลอการเกิดโรคเอดส์ที่รุนแรง ลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ และป้องกันคู่ของผู้ติดเชื้อไม่ให้ติดเชื้อเอชไอวีผ่านทางเพศสัมพันธ์

ยาต้านเอชไอวีมีอยู่หลายกลุ่ม และแต่ละกลุ่มมีอยู่หลายชนิด*

แพทย์จะให้ยาต้านเอชไอวีความแรงสูง (HAART/Highly active antiretroviral therapy) ด้วยยาต้านเอชไอวี 2-3 ชนิดร่วมกัน ซึ่งมีอยู่หลายสูตร แพทย์จะเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย โดยระวังการใช้ยาในผู้ที่มีโรคอื่นร่วมด้วย (ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนตามมา) และผู้ที่ใช้ยาอื่นอยู่ก่อน (ซึ่งอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่ใช้ร่วมกัน เป็นอันตรายได้)

โดยทั่วไป แพทย์จะใช้ยาสูตรแรก ได้แก่ TDF (หรือ TAF) ร่วมกับ 3TC (หรือ FTC) ร่วมกับ DTG โดยให้เป็นแบบรวมเม็ดเดียว ซึ่งเป็นสูตรยาที่ได้ผลดี มีผลข้างเคียงน้อยและใช้วันละครั้ง ในการให้ยารักษาแพทย์จะอธิบายให้ผู้ป่วยและญาติทราบถึงความจำเป็นที่ต้องกินยาให้ตรงเวลาและต่อเนื่องทุกวัน และร่วมกันหามาตรการในการปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาการดื้อยาหากกินยาไม่สม่ำเสมอหรือไม่ต่อเนื่อง

หลังให้ยารักษา แพทย์จะติดตามดูอาการผู้ป่วยเป็นระยะ ตรวจดูผลข้างเคียง** (ซึ่งอาจมีอันตรายต่อผู้ป่วย หรือทำให้ผู้ป่วยไม่ยอมกินยาอย่างต่อเนื่องได้) และทำการตรวจเลือดนับจำนวน CD4 และปริมาณเชื้อเอชไอวีในเลือด (HIV viral load) เพื่อประเมินผลการรักษา*** การดำเนินของโรค และการดื้อต่อยาต้านเอชไอวี

ถ้าพบว่ามีผลข้างเคียงจากยา หรือการดื้อต่อยา ก็จะปรับเปลี่ยนสูตรยาให้เหมาะสม

2. ให้การรักษาโรคที่พบร่วม เช่น โรคตับอักเสบจากไวรัสบีหรือซี ซิฟิลิส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

3. ให้การรักษาโรคติดเชื้อฉวยโอกาสและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น เช่น วัณโรค ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคตับเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น

4. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อ ตามความจำเป็นสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย อาทิ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่, วัคซีนป้องกันโควิด-19, วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอและบี (ถ้ายังไม่เคยฉีดมาก่อน), วัคซีนปอดอักเสบจากเชื้อปอดบวม หรือนิวโมค็อกคัส (pneumococcal vaccine), วัคซีนเอชพีวี (human papillomavirus vaccine/HPV) เป็นต้น

5. การเสริมสภาพจิตใจของผู้ป่วย ซึ่งมักจะมีความวิตกกังวล ซึมเศร้า โกรธ รู้สึกไม่มั่นคง ด้วยการให้การปรึกษาแนะแนว ให้กำลังใจ ให้การสังคมสงเคราะห์ตามความจำเป็น รวมทั้งสนับสนุนให้เข้าร่วมกลุ่มมิตรภาพบำบัด หรือกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน (self-help group)

ผลการรักษา ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษากับแพทย์ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม โดยกินยาอย่างสม่ำเสมอ และดูแลตนเองอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มักควบคุมโรคได้ดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่ยังต้องติดตามรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่องแบบเดียวกับโรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง)

*ตัวอย่างกลุ่มและชนิดของยาต้านเอชไอวี

1. กลุ่ม NRTIs (nucleoside or nucleotide reverse transcriptase inhibitors) เช่น 3TC (lamivudine), AZT (zidovudine), ABC (abacavir), TDF (tenofovir disoproxil fumarate), TAF (tenofovir alafenamide), FTC (emtricitabine)

2. กลุ่ม NNRTIs (non-nucleoside reverse transcriptase inhibitors) เช่น NVP (nevirapine), EFV (efavirenz), ETR (etravirine), RPV (rilpivirine)

3. PIs (protease inhibitors) เช่น ATV (atazanavir), DRV (darunavir), LPV (lopinavir), RTV (ritonavir)

4. Integrase inhibitors เช่น BIC (bictegravir), RAL (raltegravir), DTG (dolutegravir)

**ผลข้างเคียง เช่น ยาในกลุ่ม NRTIs และกลุ่ม PIs อาจทำให้เกิดภาวะไขมันกระจายตัวตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ผิดปกติ (lipodystrophy) มีอาการฝ่อของเนื้อเยื่อไขมันบริเวณรอบตา แก้ม และขมับ แต่มีไขมันสะสมที่ท้อง คอด้านหลัง และเต้านม, ยาในกลุ่ม NNRTIs อาจทำให้ตับอักเสบ ผื่นผิวหนัง, ยาในกลุ่ม PIs อาจทำให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูง น้ำตาลในเลือดสูง เอนไซม์ตับในเลือดสูง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ/สมองตีบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูงอยู่แต่เดิม)

8
เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี สามารถเข้ารับการจัดฟันเด็กได้หรือไม่ ?

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะการที่เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่เด็ก จะทำให้เด็กเติบโตมาเป้นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตามไปด้วย พ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่คิดว่า ฟันน้ำนมของลูกไม่มีความสำคัญเพราะจะต้องมีฟันแท้ขึ้นมาแทนที่ แต่หารู้ไม่ว่า การที่เด็กมีฟันน้ำนมที่ไม่ดีนั้น ส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ที่จะงอกมาแทนที่ อาจจะส่งผลให้มีลักษณะฟันที่ผิดปกติได้ เพราะถ้าหากฟันน้ำนมเกิดหักหรือหลุดก่อนเวลา อาจจะทำให้ฟันแท้ที่ขึ้นมามีรูปร่างและลักษณะที่ผิดปกติได้ และอาจจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของรูปร่างฟันตั้งแต่เด็กๆ

ซึ่งการรักษาและแก้ไขในเรื่องของรูปร่างฟันในเด็กนั้น เด็กสามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น เด็กๆในวัยประถมก็สามารถจัดฟันได้แล้ว และไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่น หลายปัญหาอาจสามารถหลีกเลี่ยง หรือลดความรุนแรงได้ หากได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะมีความสงสัยว่า ถ้าหากเราบุตรหลานของเรามีอายุต่ำกว่า 10 ปี และมีปัญหาในเรื่องของรูปร่างฟัน จะมาสามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้หรือไม่ วันนี้เราจะมาพูดถึงประเด็นที่หลายคนอาจจะยังมีข้อสงสัยว่า เด็กที่อายุต่ำกว่า 10 ปี สามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้หรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางให้บุตรหลานของท่านได้ทำความเข้าใจถึงกระบวนการรักษาและผลลัพธ์ที่ดีในการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก

การจัดฟันในเด็กนั้น สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้หลายกรณี ซึ่งส่วนใหญ่ในวัยเด็กมักจะชื่นชอบรับประทานของหวานหรือลูกอม ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุในวัยเด็ก และเด็กบางคน อาจจะทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดีเท่าที่ควร

ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันได้ง่าย ดังนั้นการแก้ไขปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กที่ดีที่สุดก็คือ วิธีการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น จริงๆแล้ว เด็กสามารถเข้ารับการรักษาได้ตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบ แต่ถ้าหากทันตแพทย์ประเมินเรื่องความร่วมมือในการรักษาแล้ว เด็กที่มีอายุ 7-8 ขวบจะดีที่สุด เพราะสามารถให้ความร่วมมือในการรักษาได้เป็นอย่างดี ซึ่งการจัดฟันในเด็กอายุที่ต่ำกว่า 10 ขวบนั้น ส่วนใหญ่จะใช้การจัดฟันที่เรียกว่า EF Line ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือที่เป็นเพียงชิ้นยางหลากหลายสี มีหลายขนาดตามอายุและขนาดของขากรรไกรเด็ก

คุณสมบัติของเครื่องมือชิ้นนี้ คือมันจะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าของเด็กให้มาอยู่ถูกที่ถูกทาง และให้ใบหน้าดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น ยิ่งในเด็กที่มีพฤติกรรมการดูดนิ้ว ดูดขวดนม แน่นอนว่า อาจจะทำให้เกิดโครงสร้างของฟันที่มีความผิดปกติ ซึ่งการใช้เครื่องมือ EF Line สามารถแก้ไขได้ ทั้งยังช่วยปรับโครงสร้างของใบหน้าให้เข้าที่และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ สำหรับระยะเวลาในการใส่เครื่องมือ ก็จะขึ้นกับปัญหาฟันของเด็กแต่ละคน และความมีวินัยในการใส่เครื่องมือ คือ ต้องสวมใส่ให้ได้จำนวนชั่วโมงมากที่สุด กลางคืนนอนให้ใส่ตลอดเพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และเพื่อระเบียบวินัยระหว่างการจัดฟัน

หากใครพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สาามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็กและมีประสบการณ์ในวงการทันตกรรมมาอย่างอย่างยาวนาน สามารถปึกษาทันตแพทย์ถึงวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของลูกน้อยได้ ทันตแพทย์ของเรายินดีให้คำปรึกษา พร้อมกับแนะนำแนวทางการปฏิบัติตัวหากลูกน้อยของคุณเข้ารับการจัดฟันที่คลินิกเพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีฟันที่สวยงามตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วย

9
หมอออนไลน์: โรคขาอยู่ไม่สุข (Restless legs syndrome/RLS)

โรคขาอยู่ไม่สุข* เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท ทำให้มีอาการขยับขาหรือขากระตุก ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

พบได้ในคนทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็ก และพบมากขึ้นตามอายุ พบมากในช่วงวัยกลางคน ผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย และอาการมักรุนแรงกว่า

ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 50 โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีอาการตั้งแต่อายุน้อยกว่า 40 ปี มีประวัติว่ามีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคนี้ด้วย ซึ่งเนื่องมาจากมีกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติ

*มีอีกชื่อหนึ่งว่า Willis-Ekbom disease


สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวกับสมองผลิตสารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า โดพามีน (dopamine) ได้น้อยกว่าปกติ ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางกรรมพันธุ์ (พบว่าผู้ป่วยบางรายมียีนผิดปกติที่ถ่ายทอดให้ลูกหลานได้)

สารโดพามีนเกี่ยวข้องกับการควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เมื่อมีน้อยกว่าปกติก็จะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งและเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ โดยปกติโดพามีนจะลดระดับลงในช่วงเย็น ๆ ดังนั้นโรคนี้จึงมักมีอาการเกิดขึ้นในช่วงเย็น ๆ ค่ำ ๆ และตอนกลางคืน

ส่วนน้อยอาจพบว่ามีสาเหตุ คือ พบร่วมหรือเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ  อาทิ

    ภาวะขาดธาตุเหล็ก (เช่น มีเลือดออก มีประจำเดือนออกมาก) ซึ่งอาจทำให้เกิดมีภาวะโลหิตจางหรือไม่ก็ได้ ภาวะขาดธาตุเหล็กทำให้โดพามีนลดลง จึงทำให้เกิดโรคขาอยู่ไม่สุขได้
    ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ซึ่งมักมีภาวะขาดธาตุเหล็กและโลหิตจาง
    ผู้ที่มีภาวะปลายประสาท (ที่แขนขา) เสื่อม ซึ่งอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน หรือโรคพิษสุราเรื้อรัง
    โรคพาร์กินสัน
    ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ หรือการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังระหว่างผ่าตัด
    หญิงบางคนอาจมีอาการนี้ระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 3 และหลังคลอดอาการจะหายไปได้เอง
    นอกจากนี้พบว่ามียาบางชนิดที่ทำให้อาการรุนแรงขึ้น เช่น ยาแก้แพ้ แก้อาเจียน ยาต้านซึมเศร้า ยาทางจิตประสาท

อาการ

ผู้ป่วยมีความรู้สึกแปลก ๆ ที่ขา เช่น รู้สึกคัน แสบร้อน รู้สึกยิบ ๆ เหมือนมีตัวอะไรไต่ที่ขา รู้สึกปวดตุบ ๆ เจ็บจี๊ด ๆ คล้ายถูกเข็มแทง รู้สึกว่าถูกดึงขา เป็นต้น บางคนอาจบรรยายลักษณะอาการไม่ถูก และมักบอกว่าไม่เหมือนเป็นเหน็บชาหรือเป็นตะคริว ผู้ป่วยมักบอกว่ามีความรู้สึกที่ทนไม่ได้และจะต้องขยับขาเพื่อให้ความรู้สึกนั้นหายไป

บางรายอาจมีอาการที่บริเวณอื่น (เช่น แขน หน้าอก ศีรษะ ใบหน้า) ร่วมด้วยก็ได้ ส่วนใหญ่มักเป็นที่ขา 2 ข้าง อาจเป็นข้างหนึ่งก่อนแล้วเป็นอีกข้างตามมา หรืออาจเป็นเพียงข้างเดียว

มักเป็นในช่วงเวลานั่งนิ่ง ๆ นาน ๆ (เช่น ระหว่างอยู่ในห้องประชุม ชมภาพยนตร์ นั่งรถ หรือเครื่องบิน) หรือเวลานอน มักเป็นมากในช่วงเย็น ๆ ค่ำ ๆ จนถึงกลางดึก อาการมักน้อยลงในช่วงย่ำรุ่ง และเวลานวดคลึงหรือเคลื่อนไหวขา (เช่น ยืดเหยียดขา ขยับขาไปมา ก้าวเดิน) อาการมักจะทุเลาลง

อาการที่เป็นแต่ละครั้งมีความรุนแรงไม่เท่ากัน บางครั้งอาจเป็นเพียงเล็กน้อย บางครั้งอาจรุนแรงถึงทำให้นอนไม่หลับ อาจมีอาการทุกวัน หรืออาจเป็น ๆ หาย ๆ เป็นครั้งคราว

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีภาวะขากระตุกขณะนอนหลับ (periodic limb movement disorder/PLMD) ร่วมด้วย โดยมักมีอาการขากระตุกโดยอัตโนมัติตอนนอนหลับเป็นครั้งคราว แต่ละคราวมักมีอาการกระตุกซ้ำ ๆ ทุก 20-40 วินาที บางครั้งอาจรุนแรงถึงทำให้ตื่นขึ้น


ภาวะแทรกซ้อน

โรคนี้มักไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ส่วนใหญ่จะทำให้มีปัญหานอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากมีอาการตื่นกลางดึก หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดคืน ส่งผลให้กลางวันง่วงนอน ทำงานไม่ได้เต็มที่

ในรายที่มีอาการรุนแรงทำให้สูญเสียคุณภาพชีวิต และเกิดภาวะซึมเศร้า


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย (สอบถามจากคนใกล้ชิดในบ้านที่สังเกตเห็นอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผู้ป่วยนอนหลับ) และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

หากสงสัยมีโรคอื่นร่วมด้วย แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด (ดูภาวะโลหิตจาง ระดับน้ำตาลในเลือด) ตรวจทางระบบประสาท

หากสงสัยมีภาวะนอนไม่หลับจากสาเหตุอื่น เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาจจำเป็นต้องทำการตรวจความผิดปกติระหว่างการนอนหลับด้วยวิธี "Polysomnography"


การรักษาโดยแพทย์

1. แพทย์จะให้คำแนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวในการดูแลตนเอง


2. ถ้ารุนแรง แพทย์จะให้ยาควบคุมอาการ เช่น ยากระตุ้นโดพามีน (เช่น rotigotine, pramipexole) ยากันชัก (เช่น carbamazepine, gabapentin, enacarbil, pregabalin) ยาทางจิตประสาท เป็นต้น


3. ถ้ามีสาเหตุชัดเจน ก็จะให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น ให้ยาบำรุงโลหิต ในรายที่มีภาวะขาดธาตุเหล็ก, ให้ยารักษาโรคเบาหวาน, พาร์กินสัน เป็นต้น

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ บางรายปลอดจากอาการนานเป็นปี ๆ บางรายอาจมีอาการกำเริบใหม่ หรือเมื่ออายุมากขึ้นอาจมีอาการมากขึ้น


การดูแลตนเอง

หากมีอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคขาอยู่ไม่สุข ควรปรึกษาแพทย์ เมื่อแพทย์ตรวจพบว่าเป็นโรคนี้ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ดูแลรักษา ปฏิบัติตัว และติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ
    ปฏิบัติตัวด้วยวิธีต่าง ๆ ที่ช่วยให้อาการดีขึ้น เช่น การยืดเหยียดเท้าหรือขาที่มีอาการ การลุกขึ้นเดินไปมา การบีบนวด การแช่เท้าในน้ำอุ่น การประคบด้วยความร้อนหรือความเย็น การนวดด้วยเครื่องสั่น (vibration) เป็นต้น
    นอนหลับให้เพียงพอ
    ออกกำลังกายที่ไม่หักโหมมาก เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการ

ควรกลับไปปรึกษาแพทย์ ถ้าอาการไม่ทุเลาใน 2-3 สัปดาห์ หรือหลังทุเลาดีแล้วกลับมีอาการกำเริบใหม่ หรือมีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา

การป้องกัน

ส่วนใหญ่ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล

อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค โดยการป้องกันหรือรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น ภาวะขาดธาตุเหล็ก เบาหวาน ไตวายเรื้อรัง พาร์กินสัน

ข้อแนะนำ

โรคนี้มักเป็นเรื้อรังไม่หายขาด แต่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ยกเว้นอาจทำให้นอนไม่หลับ หรือเกิดภาวะซึมเศร้า ควรดูแลรักษาอย่างจริงจังก็จะช่วยให้อาการทุเลาและมีคุณภาพชีวิตที่ดี


10
สู่การขนส่งที่มีประสิทธิภาพ บริการรถรับจ้างใกล้ฉันระนอง

การขนส่งของเป็นส่วนสำคัญของภูมิภาคทางเศรษฐกิจ ที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของธุรกิจและการพัฒนาทางเศรษฐกิจในพื้นที่ต่าง ๆ การให้ บริการรถรับจ้างขนของระนอง กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีบทบาทในการปรับปรุงระบบขนส่งของท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพและความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจและประชาชนท้องถิ่นรถรับจ้างขนของ


ปัจจัยที่ทำให้บริการรถรับจ้างขนของระนองเป็นที่นิยม

    ความสะดวกสบาย บริการรถรับจ้างขนของระนอง พีชภูรีขนส่ง เน้นให้ความสะดวกสบายทั้งในการจัดส่งและการรับส่งสินค้า เราให้บริการที่ทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า โดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการติดตามและจัดการการขนส่ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะของสินค้าได้อย่างทันที ทำให้กระบวนการขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสะดวกสบายสำหรับทุกคู่ค้าและผู้ใช้บริการ
    ความปลอดภัย ความปลอดภัยเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้บริการรถรับจ้างขนของในระนองเป็นที่นิยม การประสานงานกับบริการที่มีประสิทธิภาพนี้ทำให้การขนส่งของลูกค้าเป็นไปอย่างปลอดภัย มีการดูแลและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในทุกระยะทาง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจและลูกค้าให้ความสำคัญ
    ความเป็นมืออาชีพ ทีมงานของบริการรถรับจ้างขนของระนองมีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพในการจัดการและการดูแลรักษาสินค้าที่ได้รับมอบหมาย ด้วยประสบการณ์และความเข้าใจทางด้านการขนส่ง ทำให้ลูกค้ามั่นใจในการให้บริการ ทีมงานของเรามุ่งมั่นในการให้บริการที่มีมาตรฐานและตรงตามความต้องการของลูกค้าทุกราย

ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความเป็นมืออาชีพ เป็นสามปัจจัยที่ทำให้บริการรถรับจ้างขนของในระนองเป็นที่นิยมและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ด้วยการให้บริการที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการของลูกค้า ทำให้บริการรถรับจ้างขนของระนองเป็นตัวเลือกที่ดีในการขนส่งสินค้าทุกรูปแบบ

   
ทิศทางการพัฒนาบริการรถรับจ้างขนของระนอง

    การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบริการ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการและติดตามสินค้าเป็นที่สำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบริการรถรับจ้างขนของระนอง โปรแกรมคอมพิวเตอร์และระบบบริการออนไลน์ที่ทันสมัยช่วยในการติดตามตำแหน่งของ รถขนส่ง และ สินค้า ได้อย่างแม่นยำ การใช้เทคโนโลยีรถบนและระบบเซ็นเซอร์ที่ทันสมัยช่วยในการรักษาสภาพสินค้าในระหว่างการขนส่ง
    การติดตามและการแจ้งเตือนอัตโนมัติ ระบบติดตามและการแจ้งเตือนที่อัตโนมัติเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการขนส่ง ลูกค้าสามารถติดตามสถานะและตำแหน่งของสินค้าของตนได้ในเวลาจริงผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบออนไลน์ ทำให้มีความสะดวกและทันสมัยในการจัดการและติดตามสินค้า

   
การฝึกอบรมและพัฒนาทีมงาน

การพัฒนาทีมงานในด้านความรู้และทักษะ การลงทุนในการฝึกอบรมและพัฒนาทีมงานเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ทีมงานของ บริการรถรับจ้างขนของระนอง มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพ การอบรมเรื่องการจัดส่งแบบเฉพาะกิจทำให้ทีมงานมีความรู้และทักษะทางวิชาชีพที่เพิ่มความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า


การสร้างความร่วมมือกับธุรกิจท้องถิ่น

การสร้างพันธมิตรกับธุรกิจท้องถิ่นทั้งในเรื่องของการโปรโมทและการร่วมลงทุนเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างฐานลูกค้าและพัฒนาธุรกิจร่วมกัน การทำงานร่วมกับธุรกิจท้องถิ่นทำให้ บริการรถรับจ้างขนของระนอง มีที่มีต่อฐานลูกค้าและมีความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาด

เส้นทางการขนส่งของบริการรถรับจ้างขนของระนอง ไปทั่วทุกภูมิภาค

การขนส่งสินค้าของคุณมีความสำคัญที่สุดสำหรับเรา บริการรถรับจ้างขนของระนองจึงมุ่งมั่นในการให้บริการที่มีคุณภาพและความเอื้ออำนวยสำหรับลูกค้าทุกท่าน ด้วยเส้นทางการขนส่งที่ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ทำให้ พีชภูรีขนส่ง เราสามารถตอบสนองต่อความต้องการขนส่งในทุกประเภทของภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

   
เส้นทางหลักที่บริการรถรับจ้างขนของระนองให้บริการ

ภาคกลาง เส้นทางการขนส่งไปยังจังหวัดภาคกลาง เช่น กรุงเทพมหานคร นครปฐม สมุทรปราการ และจังหวัดในบริเวณนี้ทั้งหมด

ภาคเหนือ บริการขนส่งสินค้าไปยังจังหวัดเหนือของประเทศ เช่น เชียงใหม่ ลำปาง และจังหวัดทางเหนืออื่น ๆ

ภาคตะวันออก เส้นทางการขนส่งไปยังภาคตะวันออก เช่น ระยอง ชลบุรี  และจังหวัดทางตะวันออกอื่น ๆ

ภาคใต้ บริการขนส่งสินค้าไปยังจังหวัดใต้ของประเทศ เช่น ภูเก็ต สงขลา กระบี่ และจังหวัดใต้ทั้งหมด

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางการขนส่งไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เช่น โคราช ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี และจังหวัดอื่น ๆ

   
พิจารณาความสะดวกและประสิทธิภาพ

เรามีเส้นทางการขนส่งที่อยู่ในพื้นที่ทุกภูมิภาคเพื่อให้บริการลูกค้าทุกราย โดยให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการขนส่งของคุณ พร้อมทั้งมีระบบติดตามและการแจ้งเตือนเพื่อให้คุณได้ติดตามสถานะของสินค้าของคุณได้ทุกเมื่อ ทำให้บริการรถรับจ้างขนของระนองเป็นตัวเลือกที่ดีและเชื่อถือได้ในการขนส่งสินค้าของคุณทั้งประเทศ

บริการรถรับจ้างขนของระนอง เป็นบริการที่มีความมุ่งมั่นในการให้บริการที่มีคุณภาพและมีความสำคัญในการรักษามาตรฐานความเชี่ยวชาญที่สูงสุด ทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญและมืออาชีพในการจัดการและดูแลรักษาสินค้าที่ได้รับมอบหมายให้ถึงมือลูกค้าทุกท่าน ด้วยประสบการณ์ที่หลากหลายในวงการขนส่งและการบริการลูกค้าที่ประทับใจ ทำให้ทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญในการจัดการทุกรายละเอียดของการขนส่ง

เราเน้นให้บริการที่มีความสะดวกสบายและปลอดภัย โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการติดตามตำแหน่งของ รถขนส่งและสินค้า อย่างแม่นยำ ทำให้ลูกค้าสามารถติดตามและรับข้อมูลสถานะของสินค้าได้ในทุกขณะ ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในความปลอดภัยของสินค้าที่เราดำเนินการขนส่งรถหกล้อรับจ้าง ใกล้ฉัน

ทีมงานของเราไม่เพียงเท่านั้นที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการขนส่ง แต่ยังมีความคล่องตัวในการตอบสนองต่อความต้องการและความหลากหลายของลูกค้า รวมถึงการให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงกระบวนการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บริการรถรับจ้างขนของระนอง พีชภูรีขนส่ง มีทีมงานที่พร้อมที่จะพัฒนาและปรับปรุงบริการตามท้องตลาดและความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

11
รถขนของไปต่างจังหวัด รถรับจ้าง ขนของย้าบ้าน ขนย้ายทั่วไป สำคัญกับเรามากแค่ไหนและหาราคายังไง

แน่นอนว่าในธุรกิจของ รถรับจ้าง นั้นมีความสำคัญมากต่อการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของเราในปัจจุบัน เพราะว่าในหลายๆครั้งที่เรารู้สึกว่าต้องการที่จะย้ายที่อยู่หรือต้องการขนย้ายของจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เราจึงต้องใช้ บริการรถรับจ้างขนของ เข้ามา support บริการงานขนย้ายให้กับเรา และนอนว่าจะทำให้เรามีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นดีกว่าที่เราจะวิ่ง หรือใช้รถของตัวเองในการขนย้ายซึ่งมีความเสี่ยงที่หลากหลาย รูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสินค้าที่เรากำลังจะขนย้ายได้ ดังนั้น ในทางด้านของการใช้บริการรถรับจ้าง ที่มีบริการอย่าง รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง ที่ถือว่าเป็นรถขนของรับจ้างยอดฮิต และ รถเฮี๊ยบรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง รถรับจ้างย้ายบ้าน และ รถรับจ้างทั่วไปอื่นๆ ซึ่งมีมากมายและแต่สถานการณ์ในการใช้รถนั่นเอง

นั้นหากเราเป็นเพียงแค่บุคคลธรรมดาเราก็สามารถที่จะ ขนย้ายของ ด้วยการเรียกใช้รถรับจ้างเป็นครั้งต่อครั้งได้แต่ถ้าหากในโลกของธุรกิจแล้วงานให้บริการรถรับจ้างในบางครั้งเขาอาจจะเรียกว่าธุรกิจโลจิสติกส์ซึ่งทั้ง 2 อย่างมีความแตกต่างกันไหมขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ใช้บริการว่าจะ เรียกรถรับจ้าง ในลักษณะนี้ไว้ว่าอย่างไรแต่สำหรับผู้เขียนบทความขอเรียกคำว่ารถรับจ้างแทนซึ่งในหลายๆครั้งที่เราได้ติดต่อประสานงานกับบริษัทหรือห้างร้านต่างๆคำแรกเลยที่ผู้ใช้บริการโทรเข้ามาสอบถามเพื่อที่จะสอบถามข้อมูลราคาค่าขนย้ายลูกค้าจะสอบถามว่ ใช่รถรับจ้างหรือไม่ หรือ รถรับจ้างขนของใช่ไหมคะ ซึ่งดังนั้นผู้เขียนบทความจึงขอใช้คำว่ารถรับจ้างแทนคำว่าการให้บริการขนย้าย ผ่านระบบโลจิสติกส์แน่นอนว่างานรถรับจ้างในปัจจุบันมีการเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากว่ามีผู้ใช้บริการทั้งในรูปของการค้าขายผ่านทางออนไลน์ซึ่งจะต้องใช้การขนย้ายเป็นสำคัญและบุคคลธรรมดา ที่ต้องการย้ายที่อยู่หรือย้ายบริษัทต้องการที่จะได้รถรับจ้างขนย้ายบ้านเข้ามาให้บริการ ดังนั้นงานบริการที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจึงมีจำนวนมากมายทำให้ผู้ใช้บริการรถรับจ้างขนของจึงต้องมีการสำรวจและวิเคราะห์ให้ดีว่าจะใช้ รถรับจ้างขนของ จากผู้ให้บริการรายไหนจึงจะคุ้มค่าและมีความปลอดภัยที่สำคัญงานขนย้ายแต่ละครั้งจะต้องไม่มีความเสียหายในการขนของเราจึงอยากจะนำข้อมูลและข้อคิดเห็นต่างๆให้กับผู้ใช้บริการรถรับจ้างหลายๆท่าน มาเปรียบเทียบและวิเคราะห์ดูว่าเราควรจะใช้ผู้ให้บริการรถรับจ้างขนของแบบไหนในแต่ละครั้งนั้นเอง


รถรับจ้างหาไม่ยาก แต่หาที่บริการดีๆหายาก แต่ที่นี่ดีและปลอดภัย รับประกัน

ดังนั้นสำหรับวันนี้ ผู้ให้บริการอย่างขนส่ง จึงอยากจากนำข้อมูลข่าวสารมาอธิบายเกี่ยวกับการบริหารและการจัดการ ขนส่งสินค้ารวมไปจนถึงการลำเลียงสินค้า สิ่งของที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนและวิธีการต่างๆนั้นจะอยู่ที่ประสบการณ์รวมไปจนถึงการวางแผนการขนย้ายของที่มีระบบระเบียบจะทำให้ผู้ใช้บริการ รถรับจ้างขนของ มีความปลอดภัยและมั่นใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการบริหารด้านการขนส่งการยกของการจัดเรียงสินค้าบนรถรับจ้างขนของนั้นจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการขนย้ายของในแต่ละครั้ง ในหลายๆงานบริการสำหรับขนส่งแล้ว เราจะมีอุปกรณ์ในการจัดเรียงสินค้าในการลำเลียงสินค้ารวมไปจนถึงการป้องกันการลื่นไถลของสินค้าในระหว่างการขนย้ายซึ่งเราจะมีอุปกรณ์ต่างๆไว้คอย support อันได้แก่

1. รถเข็น สำหรับเข็นกล่องสิน้าของลูกค้าและสินค้าอื่นๆให้มีความง่าย
2. สายรัด ที่เป็นทั้งแบบสายรัดที่เป็นผ้ามีความยืดหยุ่นและสายรัดเชือกที่เป็นไนลอน ผ้าใบคลุมสินค้า
3. อุปกรณ์การกระแทกหรือวัตถุสิ่งของที่ support ในเรื่องของแรงกระแทกในระหว่างการขนย้ายป้องกันสินค้าชำรุดเสียหาย

ดังนั้นการขนย้ายของในแต่ละครั้งเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ผู้ให้บริการอย่างขนส่ง ของเรานั้นให้บริการลูกค้าไม่ว่าจะเป็นงานขนย้ายประเภทไหนก็ตาม สินค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางไม่มีชำรุดเสียหายเลย ไม่ว่างานนั้นจะเป็นการขนย้ายของ ขนย้ายบ้าน ย้ายคอนโด ย้ายห้อง ย้ายหอ ย้ายสำนักง่น ย้ายออฟฟิค ย้ายมอเตอร์ไซด์ ขนย้ายไซด์งานก่อสร้าง อื่นๆเราก็พร้อม อย่างงานย้ายบ้านที่มีความเสี่ยงสูงอย่าง ตู้เสื้อผ้าที่เป็นกระจก สินค้าที่มีความปลอดเช่น กรอบรูปภาพ หรือ กระจกโต๊ะเครื่องแป้งเฟอร์นิเจอร์ซึ่งในงานขนย้ายในลักษณะนี้เราจะมีความระมัดระวังไม่ว่าจะเป็นการจัดเรียง รวมไปจนถึงความเร็วในการขนย้ายของผู้ขับขี่ของเราจะใช้ความเร็วที่อยู่ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และพยายามระมัดระวังในการขนย้ายในทุกๆครั้ง


รถรับจ้างหาไม่ยาก แต่หาที่บริการดีๆหายาก แต่ที่นี่ดีและปลอดภัย รับประกัน

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าขนส่ง รถรับจ้างขนของทั่วไทย ของเรามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการรถรับจ้างของเราจำนวนมากในแต่ละวันไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง รถเฮี๊ยบรับจ้าง รถเทรลเลอร์รับจ้าง รถพ่วงรับจ้าง รถรับจ้างขนย้ายบ้าน รถเครนรับจ้างแบบเหมาวัน และรถขนของอื่นๆอีกมากมายซึ่งเราพร้อมให้บริการลูกค้าด้วยความจริงใจและตลอดเวลาในการขนย้ายมั่นใจไปกับงานขนย้ายของเราได้ตลอด 24 ชั่วโมงและการันตีได้ว่าสินค้าของท่านจะถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอนเมื่อใช้ผู้ให้บริการที่มีมืออาชีพและมีความชำนาญอย่างเรา


12
ตรวจอาการด้วยตนเอง: มะเร็งลูกตาในเด็ก (Retinoblastoma)

มะเร็งลูกตาในเด็ก หมายถึงมะเร็งของเนื้อเยื่อจอตา (retina) เป็นมะเร็งที่พบได้น้อย พบได้ประมาณร้อยละ 2 ของมะเร็งที่พบในเด็ก (อายุต่ำกว่า 15 ปี)

มักพบก่อนอายุ 4 ปี อาจพบในผู้ใหญ่ได้ แต่น้อยมาก

ส่วนใหญ่เป็นเพียงข้างเดียว ประมาณร้อยละ 20-30 เป็นพร้อมกัน 2 ข้าง

สาเหตุ

เกิดจากความผิดปกติของยีนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญของตาในช่วงที่เป็นทารกในครรภ์มารดา ทำให้เซลล์ประสาทของจอตาเจริญผิดปกติกลายเป็นเนื้องอกชนิดร้าย ซึ่งลุกลามไปยังส่วนอื่นของตาและอวัยวะนอกเบ้าตาได้

ประมาณ 1/3 ของเด็กที่เป็นโรคนี้เกิดจากความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ หากมีพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นโรคนี้ซึ่งเกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ บุตรที่เกิดมามีโอกาสรับกรรมพันธุ์ของโรคนี้ถึงร้อยละ 50 ซึ่งมีโอกาสเป็นมะเร็งลูกตาได้ถึงร้อยละ 90 ในกรณีนี้เด็กมักจะเป็นมะเร็งที่ลูกตาทั้ง 2 ข้าง และสามารถถ่ายทอดให้ลูกหลานต่อไปได้

ประมาณ 2/3 ของเด็กที่เป็นโรคนี้เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนของเด็กตั้งแต่เป็นทารกในครรภ์ โดยที่พ่อและแม่ไม่มีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ในกรณีนี้เด็กมักจะเป็นมะเร็งที่ลูกตาเพียงข้างเดียว และไม่ถ่ายทอดให้ลูกหลานต่อไป

อาการ

ที่สำคัญพ่อแม่จะสังเกตว่าเมื่อใช้ไฟ (หรือไฟแฟลชถ่ายภาพ) ส่องตรงตาดำของเด็ก จะเห็นเป็นสีขาววาวคล้ายตาแมว

เด็กอาจมีอาการตามัวหรือมองไม่เห็น และอาจมีอาการตาเหล่ ตาแดง เปลือกตาบวม

เมื่อเป็นมากขึ้นตาจะเริ่มปูดโปนออกมานอกเบ้าตา

อาการตาแมว

ภาวะแทรกซ้อน

หากไม่ได้รับการรักษา เด็กมักจะตาบอด และอายุสั้น

มะเร็งลูกตาอาจลุกลามไปยังส่วนอื่นของดวงตา และออกนอกเบ้าตา

ในกรณีที่เป็นเพียงข้างเดียวอาจลุกลามไปที่ตาอีกข้างได้

มะเร็งอาจแพร่ไปตามเส้นประสาทตาเข้าไปในสมอง รวมทั้งอาจแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น กระดูก ปอด เป็นต้น

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยที่เกิดจากความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดอื่นในเวลาต่อมา เช่น มะเร็งต่อมไพเนียล (pineoblastoma) มะเร็งกระดูก (osteosarcoma) มะเร็งกล้ามเนื้อ (sarcoma) มะเร็งผิวหนัง (melanoma) เป็นต้น จึงควรให้แพทย์คอยเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยโดยการใช้เครื่องมือตรวจจอตา ทำการตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

บางรายแพทย์อาจเจาะหลังนำน้ำไขสันหลังไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง หรือทำการตรวจไขกระดูกว่ามีมะเร็งแพร่กระจายไปที่ไขกระดูกหรือยัง

การรักษาโดยแพทย์

การรักษาขึ้นกับขนาดและตำแหน่งของมะเร็ง การแพรก่ระจายของมะเร็ง และสภาพร่างกายของผู้ป่วย

แพทย์จะให้เคมีบำบัดในรายที่เป็นระยะแรกเริ่ม เพื่อให้ก้อนมะเร็งฝ่อเล็กลง แล้วใช้วิธีอื่นรักษาต่อ เช่น รังสีบำบัด (radiation therapy) การบำบัดด้วยความเย็น (cryotherapy) การบำบัดด้วยความร้อน (thermotherapy) หรือเลเซอร์ (laser therapy) ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องผ่าตัดเอาลูกตาออก

ในรายที่มะเร็งมีการแพร่กระจายออกนอกเบ้าตา แพทย์จะให้การรักษาด้วยเคมีบำบัดและรังสีบำบัด

ในรายที่โรคเป็นมากจนไม่อาจรักษาด้วยวิธีอื่น แพทย์จะทำการผ่าตัดเอาลูกตาออก และใส่ดวงตาเทียมเข้าไปแทนที่ในเบ้าตา (เพื่อความสวยงามแต่ใช้การไม่ได้)

ผลการรักษา หากได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม มีโอกาสหายขาดได้ถึงร้อยละ 90 แต่บางรายหลังการรักษาจนโรคหายแล้ว อาจเกิดมะเร็งชนิดนี้กำเริบได้ใหม่ หรือเด็กที่เป็นมะเร็งลูกตา 2 ข้างหรือเกิดจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ อาจเกิดมะเร็งชนิดอื่นตามมาในภายหลัง แพทย์จำเป็นต้องติดตามดูอาการเป็นระยะ

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น สังเกตเห็นตาดำของเด็กมีสีขาววาวคล้ายตาแมว (เห็นชัดเมื่อใช้ไฟส่อง) เด็กมีอาการตามัว มองเห็นไม่ชัด ตาเหล่ ตาแดง หรือตาโปน ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลูกตาในเด็ก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการตามัว ตาแดง ปวดตามาก ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง หายใจหอบ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือหน้าตาซีดเซียว
    สงสัยมีมะเร็งลูกตากำเริบใหม่
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากยังไม่ทราบปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ และส่วนหนึ่งเกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์

ข้อแนะนำ

1. เด็กที่มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งชนิดนี้ ควรให้แพทย์ตรวจดูตาอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่หลังคลอด

2. ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองสังเกตเห็นตาของเด็กมีความผิดปกติ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ และดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ หากจำเป็นต้องผ่าตัดเอาลูกตาออก พ่อแม่ควรสอบถามแพทย์ให้เกิดความเข้าใจและยอมรับ ไม่ควรปฏิเสธการรักษาโดยวิธีนี้ ซึ่งจะทำให้เด็กได้รับอันตรายและอายุสั้นได้

3. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

13
ซ่อมบำรุงอาคาร: วิธีการเช็คน้ำรั่วซึมจากท่อประปา

ไฟฟ้า น้ำประปา เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกครัวเรือน และยังเป็นค่าใช้จ่ายหลักๆ ของทุกบ้าน หากเดือนไหนค่าน้ำ ค่าไฟสูง ก็จะต้องรับภาระเพิ่มมากขึ้น หากบางเดือนเราสังเกตว่า ค่าน้ำประปาสูงผิดปกติ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนสิ่งผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นในระบบน้ำประปาของบ้านเราอยู่ก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะต้องหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ หากบ้านไหนที่มีปัญหาแบบนี้ ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะนี่อาจจะเป็นสัญญาณว่ากำลังเกิดน้ำรั่วซึม หรือท่อประปารั่ว ที่ไหนสักแห่ง ทำให้ต้องเสียเงินเปล่าๆ

โดยที่ไม่ได้ใช้น้ำ แถมยังอาจทำให้บ้านเกิดน้ำท่วมขัง ส่งผลให้เกิดความชื้นและเชื้อรา ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้บ้านผุพังได้เร็วขึ้น และอาจส่งผลไปถึงปัญหาของคนในครอบครัวได้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ท่อประปาที่วางอยู่ใต้ดินยากต่อการตรวจสอบและพบเห็น หากเกิดการรั่วไหลขึ้น สามารถสังเกตได้จาก อาการน้ำจะไหลอ่อนลงจากเดิม หรือพื้นที่ที่มีท่อแตก-รั่ว จะทรุดต่ำกว่าที่อื่น เนื่องจากดินหรือทรายใต้ดินเคลื่อนตัว หรือสังเกตดูว่า บริเวณนั้นๆอาจมีน้ำเปียกแฉะตลอดเวลา มีตะไคร่ขึ้น หรือมีหญ้าขึ้นมากกว่าที่อื่นๆ นั่นเป็นสัญญาณของการเกิดน้ำรั่วซึม ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเช็คน้ำว่ารั่วซึมจากท่อประปาหรือไม่

ก่อนอื่น เราต้องคอยสังเกตค่าน้ำของบ้านเราก่อน หากพบว่าค่าน้ำสูงผิดปกติกว่าทุกเดือน โดยที่พฤติกรรมการใช้น้ำของสมาชิกภายในบ้านไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ให้สันนิษฐานก่อนว่า ท่อประปาภายในบ้านเกิดการรั่วซึมหรือแตกอย่างแน่นอน อีกข้อแนะนำที่จะให้ผู้ใช้น้ำสามารถตรวจสอบการแตกรั่วของระบบประปาในอาคารได้โดยสะดวก
และสามารถเห็นได้ง่ายยิ่งขึ้นหากมีการรั่วไหล ก็คือ การวางท่อประปาและอุปกรณ์ประปาต่าง ๆ ไว้เหนือพื้นดินเพื่อเป็นการง่ายต่อการตรวจสอบ และที่สำคัญทุกบ้านควรมีแบบแปลนการวางท่อน้ำภายในบ้านของเราว่ามีจุดต่อไปในที่ใดบ้างหรือมีจุดต่อวาล์วน้ำย่อยอยู่ที่จุดใดบ้าง แปลนนี้จะมีความสำคัญอย่างมากเวลาหาจุดรั่วหรือในการซ่อมบำรุงประปาของบ้านเรานั่นเอง

 สำหรับวิธีการเช็กน้ำรั่วซึมจากท่อประปา ก่อนอื่น ปิดก๊อกน้ำทั้งหมดและดูที่มิเตอร์หรือมาตรวัดน้ำ หากตัวเลขที่หน้าปัดมิเตอร์น้ำยังคงเดินอยู่ แปลว่า มีน้ำรั่วซึมในบ้าน ตรวจดูก๊อกน้ำ ฝักบัว เครื่องซักผ้า และเครื่องใช้ที่ต่อท่อกับน้ำ เพราะน้ำรั่วนั้นอาจเกิดจากส่วนนี้ได้ ส่วนวิธีแก้ไขเบื้องต้น ถ้ารั่วที่ก๊อกน้ำหรือฝักบัวให้เปลี่ยนก๊อกน้ำหรือฝักบัว แต่ถ้าเป็นเครื่องซักผ้าและเครื่องใช้อื่น ๆ ให้เรียกช่างเฉพาะทางมาซ่อมแซม

สำหรับชักโครกให้ตรวจดูโดยใส่สีย้อมผ้าลงในถังพักน้ำ ถ้าพบสีไหลลงในชักโครก แสดงว่า มีน้ำรั่วเกิดขึ้น ถ้าตรวจสอบดูแล้วไม่พบจุดรั่ว สันนิษฐานได้ว่า สาเหตุที่มีน้ำประปารั่วในบ้านนั้นน่าจะเกิดจากท่อประปาร้าวหรือแตก และให้เช็กหาจุดรั่วที่ท่อประปา ให้เช็กท่อประปารั่วในบ้านทีละจุด เพื่อความมั่นใจว่าจะพบจุดรั่วทั้งหมด

โดยใช้วิธีปิดวาล์วเช็กทีละส่วนของบ้าน โดยเริ่มจากการปิดวาล์วจ่ายน้ำที่ชั้นบนก่อน แล้วค่อยสลับไปเปิดวาล์วจ่ายน้ำชั้นล่าง ถ้าแต่ละชั้นมีวาล์วจ่ายน้ำหลายจุด ให้ปิดทั้งหมดและเปิดวาล์วทีละจุด ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ระบุหาจุดรั่วได้ง่ายขึ้น และเมื่อเปิดเช็กทีละวาล์ว ให้ดูที่มิเตอร์ว่า ตัวเลขวัดปริมาณการใช้น้ำยังคงเดินอยู่หรือไม่ ถ้ายังเดินอยู่ ให้เดินหาจุดรั่วของท่อประปา เมื่อพบจุดรั่วซึมก็ควรเรียกช่างที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาแก้ไขทันที

หากพบปัญหาและต้องการที่แก้ไข สามารถติดต่อ ทางเรามีบริการ ติดตั้งและบำรุงรักษาระบบประปา ออกแบบท่อน้ำในอาคาร ติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำในอาคาร และระบบจัดการแบบครบวงจร โดยเราจะทำการประเมินวิเคราะห์และออกแบบวางแผนบำรุงรักษา ไม่เพียงแผนการซ่อมแซมตามปกติที่ต้องเข้าดูแลอย่างรวดเร็วเท่านั้น การวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกันที่ระเอียดรอบคอบ

เพื่อให้ผลการบริหารจัดการของอาคารบ้านเรือนที่มีประสิทธิภาพ และสามารถใช้น้ำได้อย่างไม่สะดุด เพราะน้ำ เป็นสิ่งที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน เราเล็งเห็นถึงความสะดวกสบายของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข และยังทำให้บ้านของคุณน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

14
การซื้อเครื่องฟอกอากาศที่ดี เป็นของขวัญแนะนำให้พิจารณาอะไรบ้าง

เมื่อคุณต้องการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่ดี มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณาเพื่อให้ได้เครื่องที่เหมาะสมกับการใช้งานและคุ้มค่าที่สุดค่ะ

1. ขนาดห้อง
สิ่งแรกที่ต้องดูคือขนาดของห้องที่คุณจะนำเครื่องฟอกอากาศไปใช้งาน ควรเลือกเครื่องที่มีขนาดเหมาะสมกับห้องนั้นๆ เพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถฟอกอากาศได้อย่างทั่วถึง

2. ชนิดของไส้กรอง
ไส้กรองเป็นหัวใจหลักของเครื่องฟอกอากาศ มีหลายชนิด แต่ที่สำคัญที่สุดคือ:

แผ่นกรองหยาบ (Pre-filter): ช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดใหญ่ เช่น เส้นผม, ขนสัตว์

แผ่นกรอง HEPA (High-Efficiency Particulate Air): มีประสิทธิภาพสูงในการดักจับอนุภาคขนาดเล็กมาก เช่น PM2.5, ไรฝุ่น, เชื้อรา

แผ่นกรองคาร์บอน (Activated Carbon Filter): ช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นอาหาร, กลิ่นควันบุหรี่

3. ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate)
ค่า CADR คืออัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ของเครื่องฟอกอากาศ ยิ่งค่านี้สูงเท่าไหร่ก็แสดงว่าเครื่องสามารถฟอกอากาศในห้องนั้นๆ ได้เร็วขึ้นเท่านั้น

4. ระดับเสียง
ควรพิจารณาถึงระดับเสียงของเครื่องขณะทำงาน โดยเฉพาะถ้าคุณจะนำไปใช้ในห้องนอน ควรเลือกเครื่องที่มีระดับเสียงเบาหรือมีโหมดกลางคืน (Sleep Mode) เพื่อไม่รบกวนการพักผ่อน

5. ฟังก์ชันเสริม
เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นอาจมีฟังก์ชันเสริมที่น่าสนใจ เช่น การเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน, เซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศ หรือการกำจัดเชื้อโรคด้วยแสง UV

นอกจากปัจจัยเหล่านี้แล้ว คุณมีงบประมาณที่วางไว้สำหรับเครื่องฟอกอากาศหรือไม่คะ

15
การจัดฟันเด็ก เด็กควรที่ปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้การจัดฟันมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

 ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูกนั้น มีความสำคัญมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะถ้าหากเด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ก็จะสามารถทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นการช่วยส่งเสริมในเรื่องของพัฒนาการของเด็กได้อย่างดีเลยทีเดียว ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพฟันของลูกให้มากเป้นพิเศษ เพราะฟันของลูกเรานั้น จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากและฟัน

ควรที่จะพาเด็กเข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที หากปล่อไว้จนเด็กโตขึ้น ปัญหาดังกล่าวอาจจะลุกลามไปจนขึ้นขั้นเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไขได้ ที่สำคัญถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างของฟัน ก็ควรที่จะพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเข้ารับการแก้ไขปัญหาทันที เพราะการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว ทั้งยังช่วยส่งเสริมให้เด็กรู้จักวิธีการแปรงฟัน การดูแลรักษาคาวมสะอาดช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อยด้วย

ถือว่ามีประโยน์ต่อตัวเด้กมากเลยทีเดียว ดังนั้น พ่อแม่ไม่ควรมองข้ามในเรื่องของฟันของเด็ก แต่พ่อปม่หลายคนอาจจะมีความกังวลเพราะค่าใช้จ่ายในการจัดฟันในเด็ก ก็มีราคาค่อนข้างสูง กลัวว่าเมื่อเด็กเข้ารับการจัดฟันแล้ว จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อไม่ให้เด็กเสียเวลาที่จะต้องเข้ารับการจัดฟันใหม่ หรือปฏิบัติตัวอย่างไรให้มีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

 วันนี้เราจะมาพูดถึงการปฏิบัติตัวของเด็ก ที่จะช่วยทำให้มีผลการรักษาในการจัดฟันในเด็กทีมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้งานได้จริง ช่วยแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว สำหรับขอแรกหลายคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว ผู้เข้ารับการจัดฟันนั้น ไม่ว่าจะเป้นการจัดฟันในรูปแบบใด ในเรื่องของการทำความสะอาดก้จะยากกว่าคนทั่วไป เพราะเรามีเครื่องมือการจัดฟันติดตั้งอยู่ภายในช่องปาก

จึงมีความจำเป้นที่จะต้องทำความสะอาดช่องปากและฟันให้ดีมากเป็นพิเศษ พ่อแม่ผู้ปกครองบางคนอาจจะคิดว่า การจัดฟันของเด็กเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เด็กๆอาจจะปฏิบัติตัวขณะจัดฟันได้ไม่ถูกต้องหรือมีคาวมยุ่งยากในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ต้องบอกก่อนว่า เด็กทุกคนสามารถปรับตัวได้ และการจัดฟันก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่หลายคนคิด เพราะจริงๆ แล้วการจัดฟัน มีหลักปฏิบัติง่ายๆ อยู่ 4 อย่างเท่านั้นเอง ซึ่งก็ได้แก่ แปรงฟันให้สะอาดอยู่เสมอ เข้ามาปรับเครื่องมือตามที่ทันตแพทย์จัดฟันนัด ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด

ระวังอย่าให้เครื่องมือหลุด เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสม เพราะการที่เรารับประทานอาหารที่มีความแข็งเกินไป เช่นลูกอม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายของเครื่องมือการจัดฟันได้ ที่สำคัญภายหลังจากการจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน ซึ่งข้อปฏิบัติเหล่านี้อาจจะทำให้ชีวิตอาจยุ่งยากขึ้นบ้าง

แต่ก็คงไม่มีอะไรเกินความสามารถ และในขณะจัดฟัน เด็กๆ ก็ยังสามารถรับประทานอาหารและเล่นกีฬาที่พวกเขาชื่นชอบได้ เพียงแต่ต้องระวังนิดหน่อยเท่านั้นเอง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เด็กมีผลการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก ที่มีประสิทธิภาพ สามารถมีฟันที่สวยงามได้แล้ว นอกจากจะชช่วยในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันแล้ว การจัดฟันในเด็กยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของเด็กได้อีกด้วย ทำให้เด็กมีคาวมมั่นใจมากยิ่งขึ้น มีรอยยิ้มที่สดใส สมวัยได้

 สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากพาบุตรหลาของท่านเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็ก และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดี และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน และยังช่วยทำให้สสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่มีความสุขได้

หน้า: [1] 2 3 ... 37